..ก็เกิดจากกายกับใจนี่แหละ ความโลภความโกรธความหลงน่ะ เกิดจากสังขารนี่แหละ ร่างกายจิตใจนี่แหละ มาปรุงแต่งกันขึ้น ตาเห็นรูป ตาก็คือรูป ตาหูจมูกลิ้นกาย สงเคราะห์เค้าเรียกว่ารูป สมมติว่ารูป ใจก็สมมติเรียกว่านาม นั่นน่ะ
รูปกับนามหนิ อิงอาศัยกันเกิด เมื่อตาเห็นรูป มันก็ส่งไปบอกใจ ใจเป็นนายมัน ใจอยากเห็นอะไรมันก็บอกตาไปดูให้ ถ้าของไม่ดีมันก็สั่ง ไม่ให้ตาไปดู ถ้าเห็นของสวยๆงามๆมันก็สั่งตาหนิแหละ ไปดูให้ นี่แหละ เรียกว่าอิงอาศัยกันเกิด
กายกับใจ อิงอาศัยกันเกิด รูปกับนาม อิงอาศัยกันเกิด ท่านเรียกว่าปัจจยาการ การที่ปัจจัยอิงอาศัยกันเกิด การที่สังขารอิงอาศัยกันเกิด เมื่อมันเกิดขึ้น ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่นลิ้นได้รส โผฏฐัพพะ กระทบกัน ก็ส่งไปบอกใจ
ใจก็เกิดนาม 4 ขึ้นมานั่นแหละ เสวยอารมณ์ก็เรียกว่าเวทนา นั่นล่ะ ไปปรุงแต่งกันขึ้น จำอารมณ์ จำรูปเสียงกลิ่นรสที่มันกระทบได้ เอาไว้ก็เรียกว่าสัญญานั่นล่ะ
อารมณ์ สัญญา เข้าไปปรุงแต่งจิต ก็เรียกจิตตสังขาร วิญญาณรู้ขึ้นก็ดับ นี่แหละขันธ์ 5 เกิดขึ้น ก็เรียกว่าขันธ์ 5 เกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับ เกิดกับดับพร้อมกัน
มันไปปรุงแต่งกันเรียบร้อยแล้ว สังขารพวกนี้ กายกับใจ นี่แหละท่านเรียกกายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร ก็อยู่นี่ล่ะ เรียกว่ากายกับใจ รูปกับนามนี่แหละ มันอิงอาศัยกันเกิด มันเกิดแล้วก็
กิเลสอยู่ข้างในนั่นแหละ ตัวตัณหา จึงบังคับ กดดัน หรือผลัก ตัวตรึกตัวนึก ตัวคิดนี่แหละ คือตัวกิเลส มันผลักดันออกมาทางวาจาล่ะทีนี้..
สังขารธรรม (17:08 - 19:39)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://youtu.be/G_R2-oL-bXo?t=17m8
0 comments:
Post a Comment