"สมัยครั้งพุทธกาล โวหารของพระอริยเจ้าทั้งหลาย.. ท่านก็ทักทายกัน สรีระ ยันตัง ยนต์คือสรีระของท่าน คะมะนียัง พออดกลั้นอยู่หรือ" หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
..แม้ที่สุด อาหารที่อยู่ในกระเพาะของเราที่เราทานลงไป กระเพาะไฟทั้งหลายนี้ กระเพาะลมทั้งหลายนี้ล่ะ ทำหน้าที่ของมัน ให้ย่อยยับซึมซาบไปตามเส้นประสาท ทำสรรพางค์กาย ของเราให้ชุ่มชื่น สดใสไม่เหี่ยวแห้ง นำไปหล่อเลี้ยงโดยที่เราไม่ได้บังคับมันเลย แต่เขาทำหน้าที่ตามเรื่องของเขา
สิ่งใดที่ควรจะเป็นไปเพื่อการหล่อเลี้ยง มันก็หล่อเลี้ยงไปตามเรื่อง อันใดมันเป็นกากเป็นเศษมันก็ขับถ่ายไปตามเรื่องของมัน มันเป็นไปตามเรื่องของมัน ถ้าหากเรามาพิจารณาอย่างนี้แล้ว
มันจะเกิดความรู้สึกขึ้นมาชนิดหนึ่ง ถ้าหากจิตของเรารวมหรือจิตของเราสงบไปพร้อมๆกันกับเราพิจารณา จะมีความรู้สึกอันนี้ขึ้นมา ในขณะนั้น
อย่างน้อยที่สุด จะมีความรู้สึกว่าแปลกประหลาด ร่างกายนี้เป็นของแปลกประหลาดมาก หรือมิฉะนั้นเราจะเห็นร่างกายนี้ เป็นเครื่องจักรยนต์กลไก อันหนึ่ง
ซึ่งมันทำงานอยู่ตลอดวันค่ำคืนรุ่ง 24 ชม. ไม่มีหยุดเลย จักรอันนี้นั่น ตั้งแต่เกิดจนวันตาย หยุดเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น นี่จะเกิดความรู้แปลกประหลาดขึ้นมา เป็นของน่าคิดเป็นของน่าพิจารณา เป็นของแปลกประหลาดจริงๆ
คนเลยจะไม่มีล่ะคราวนี้ เลยเป็นเครื่องจักรไปแล้ว คนเลยหายไปเลยจะกลายเป็นโลกไปแล้ว คนก็เลยหาย จะเป็นเครื่องยนต์ไปอีกแล้ว
เหตุนั้นสมัยครั้งพุทธกาล โวหารของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเห็นหน้าเห็นตากัน ท่านไม่ได้พูดว่า ท่านสบายดีอยู่หรือ หรือว่าท่านเป็นอะไร ท่านมาจากไหน ท่านไปยังงัย ท่านไม่ได้พูดอย่างงั้น
สำนวนของพระอริยเจ้าท่าน คือท่านไม่มีสมมติบัญญัติ ท่านเอาของจริงนี้มาพูด ท่านบัญญัติขึ้นต่างหาก ของท่าน ตามเป็นจริง สมมติขึ้นตามเป็นจริง คำว่าคนมันก็ไม่มี คำว่ามนุษย์มันก็ไม่มี เลยท่านเลยเปรียบ พอเห็นหน้าเห็นตากัน ท่านก็ทักทายกัน
สรีระ ยันตัง ยนต์คือสรีระของท่าน คะมะนียัง พออดกลั้นอยู่หรือ สรีระ ยันตัง ยนต์คือสรีระของท่าน นั่น จตุจักกัง จักร 4 คะมะนียัง พออดกลั้นหรือ ท่านจะถามกันอย่างงี้ สรีระ ยันตัง จตุจักกัง นว ทวารัง มีทวาร 9 คะมะนียัง พออดได้หรือ
ทำไมท่านถามกันอย่างงั้น ท่านไปดูของจริง เกิดความจริง สรีระนี้ เป็นเครื่องยนต์ จตุจักกัง มีจักร 4 คือได้แก่อิริยาบถ 4 นว ทวารัง มีทวาร 9 นับดูสิ ทวารของเรามี 9 หมดทั้งตัว คะมะนียัง พออดทนทานอยู่หรือ
ไม่เหมือนกับพวกเราทุกวันนี้ พอเราเห็นหน้าเห็นตากัน สบายดีหรือ มีผู้ตอบว่าสบาย โกหกกันทั้งเพ ถ้าความจริง โกหกกันทั้งเพ มันจะได้ความสบายมาจากไหน เพียงแต่ว่าพออดทนได้ ไปวันหนึ่งวันหนึ่งเท่านั้นล่ะ
ไม่มีความสบายหรอกคนเรา ดังเคยอธิบายให้ฟังมาแล้ว ทุกข์อยู่ตลอด 24 ชม. แม้ที่สุดจะนอนหลับก็ยังมีทุกข์อยู่ ตื่นขึ้นมารู้สึกขึ้นมาก็ทุกข์
ขณะที่หลับๆก็ยังทุกข์ คือมันยังกลับกลิ้งไปมา โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะกลิ้งกลับ แต่ว่ามันทนอยู่ได้มั้ย มันทนไม่ไหว มันกลับตัวมันเอง..
บางส่วนจาก ธาตุสี่สรีระยนต์ (16:19 - 20:56)
พระธรรมเทศนา ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
https://youtu.be/lnMGJao-T0o?t=16m19s
29.7.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment