28.9.17

แต่ก่อนจิตแท้ใจเดิมก็เรียกว่าฐีติ ฐีติจิต เป็นประภัสสร ผ่องใสอยู่ ตัวผ่องใสนี่แหละ ที่เรามองเห็นนี่แหละ ท่านเรียกว่าภูตะ ภูตะ ฐีติภูตัง ภูตะ ตัวนี้แหละตัวอาสวะ ที่มันไปนอนเนื่องอยู่ในสันดานเรา นอนเนื่องอยู่ในจิตในใจเรา ก็เรียกตัว อวิชชานี่แหละ กามาสวะ อวิชชาสวะ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ตัวนี้แหละ ตัวอวิชชาหนิ ตัวกาม ไปนอนเนื่อง จมอยู่ในจิตสันดานของเรา ตัวอวิชชานี่

BY Somchatchai IN No comments

หลวงตาศิริ : ในจิตดวงนี้แหละ เป็นผู้รู้ก็จริงอยู่ แต่ยังรู้หลง รู้ไม่จริง ยังรู้หลง รู้ไม่จริง จิตดวงนี้ล่ะ สว่างผ่องใสอยู่นั่น ตัวสว่างผ่องใสหนิ นี่แหละตัวสังขาร ตัวละเอียด ไตรลักษณ์ญาณอย่างละเอียด เราต้องไปเห็นจิตดวงนี้ล่ะ ที่เป็นสว่างผ่องใสอยู่นั่นล่ะ ห่อหุ้มจิตอยู่นั่น

แต่ก่อนจิตแท้ใจเดิมก็เรียกว่าฐีติ ฐีติจิต เป็นประภัสสร ผ่องใสอยู่ ตัวผ่องใสนี่แหละ ที่เรามองเห็นนี่แหละ ท่านเรียกว่าภูตะ ภูตะ ฐีติภูตัง ภูตะ ตัวนี้แหละตัวอาสวะ ที่มันไปนอนเนื่องอยู่ในสันดานเรา นอนเนื่องอยู่ในจิตในใจเรา ก็เรียกตัว อวิชชานี่แหละ กามาสวะ อวิชชาสวะ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ตัวนี้แหละ ตัวอวิชชาหนิ ตัวกาม ไปนอนเนื่อง จมอยู่ในจิตสันดานของเรา ตัวอวิชชานี่

เราต้องมาเห็น ตัวผ่องใสตัวสว่างไสว อยู่ในจิตในใจของเรานี่ล่ะ ดับตัวนี้ได้ อวิชชาดับ สำรอก ไม่มีเหลือ นั่น จึงจะดับกายสังขาร วจีสังขารได้ ดับได้หมด ตัวนี้ล่ะ ตัวสว่างไสวผ่องใส เราเลยไปหลง ว่าเป็นตัวเราจริงๆ ตัวอวิชชานี่แหละ ดับตัวนี้ได้ ละเอียดกว่าทุกอย่างนะตัวนี้ เรียกว่า ดับด้วยอะไร

ก็บอกเลยล่ะ ดับด้วยไตรลักษณ์ญาณนี่ล่ะ เห็นความสว่างไสว ผ่องใส เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันเป็นสังขาร ตัวนี้ล่ะ ตัวอวิชชานี่ล่ะ ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน ผลักดันออกมา สั่งจิตออกมา ให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง อยู่หนิ อวิชชาเกิด เพราะอาสวะเกิด อาสวะเกิด เพราะอวิชชา อวิชชาเกิดเพราะอาสวะ ต้องเข้าใจตัวนี้ อาสวะ อาสวะกิเลส กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดาน

อวิชชาเกิดเพราะอาสวะ เกิด ตัวอาสวะหนิ กามาสวะ ก็กามราคะ นั่นแหละ ราคานุสัยนั่นตัวเดียวกันนะ ถ้าใครอยากดับ ราคานุสัยก็เกิด แต่เรียกคนละชื่อเฉยๆ ราคานุสัย ความยินดีพอใจ ในกาม เรียกกามาสวะ เรียกว่ากามราคะ เกิดราคะ ยินดีพอใจเกิด ปฏิฆะ คือความกระทบกระทั่ง ความไม่ยินดีไม่พอใจ ก็เรียกว่าปฏิฆานุสัย หรือเรียกว่าภวะ ภวาสวะ นี่แหละ ภวะ นี่แหละเรียกว่า ภวาสวะ ส่วนอวิชชานุสัยก็อันเดียวกัน อวิชชานุสัย อวิชชาสวะ กามมาสวะ ภาวาสวะ อวิชชาสวะ ดับอันนี้ได้ ดับอวิชชาได้ก็เห็นไตรลักษณ์ญาณ

พูดให้ฟังเรื่องสังขาร สังขาร อวิชชายังไม่ใช่จิตแท้ใจเดิม อวิชชากับจิตกับใจก็อันเดียวกันนั่นแหละ เป็นผู้รู้คือกันนั่นแหละ แต่มันรู้ไม่จริง ไม่รู้จักทุกข์ รู้ไม่จริง คือไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้วิธีดับทุกข์ ไม่รู้แนวทางปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ นั่นแหละอวิชชา ก็คือใจนั่นแหละ คือผู้รู้ผู้เดียวนั่นแหละ นี่แหละมัน มันเข้าไปจม ไปดองอยู่ ในจิตในใจของเราอย่างนี้ สว่างผ่องใสประภัสสร อยู่อย่างงั้น

คนไปนั่งสมาธิ ไปเห็นตัวนี่ล่ะ จะไปยึดเอาตัวนี้นะ ระวังให้ดี ตัวสว่างผ่องใส อยู่นั่นล่ะ จิตของเรา ตัวนั่นแหละ เรียกว่าอวิชชา อวิชชาปัจจะยาสังขารา มันเป็นสังขารอยู่ จึงเรียกว่าไม่เที่ยง เข้าใจ เห็นมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป..

บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต - สังขารธรรม
https://youtu.be/G_R2-oL-bXo?t=34m9s
(34:09 -39:27)

0 comments:

Post a Comment