10.11.18

เค้าสมมติว่ากลิ่นคน กลิ่นสัตว์ สมมติว่ากลิ่นน้ำหอม กลิ่นอะไรก็ยึดถือเอา ว่ามันหอมจริง ๆ มันเหม็นจริง ๆ อยู่หนิ ก็เลยมาแบกเอาโลก แบกเอาอารมณ์ แบกเอาสมมติ จึงทุกข์ จึงเกิดตัณหาหนิ ราคะตัณหา ราคานุสัยก็ตามนอน ถ้ากลิ่นมันเหม็น กลิ่นไม่ดี ก็เกิดปฏิฆานุสัย ความไม่ยินดีพอใจตามนอน คือกิเลส เพราะอะไร เพราะอวิชชานุสัย เพราะความรู้ไม่จริง ถ้ารู้จริงว่ากลิ่นนั้นก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา จมูกของเราก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา เป็นเพียงก้อนธาตุ เป็นเพียงโอกาสโลก มาประชุมกันเฉย ๆ

BY Somchatchai IN No comments

หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ..โลกมาสมมติขึ้นตั้งบัญญัติขึ้นเฉยๆ ว่ากลิ่นอันนั้นกลิ่นอันนี้ กลิ่นธูป กลิ่นเทียน กลิ่นคน กลิ่นสัตว์ ก็เลยไปยึดถือเอา ว่ากลิ่นคนจริง ๆ กลิ่นสัตว์จริง ๆ หอม ดมกันอยู่นั่นแหละ นี่ทำให้เกิดอารมณ์ อีกหน่อยมาแบกเอาโลก แบกเอาอารมณ์อยู่หนิ

เค้าสมมติว่ากลิ่นคน กลิ่นสัตว์ สมมติว่ากลิ่นน้ำหอม กลิ่นอะไรก็ยึดถือเอา ว่ามันหอมจริง ๆ มันเหม็นจริง ๆ อยู่หนิ ก็เลยมาแบกเอาโลก แบกเอาอารมณ์ แบกเอาสมมติ จึงทุกข์ จึงเกิดตัณหาหนิ ราคะตัณหา ราคานุสัยก็ตามนอน

ถ้ากลิ่นมันเหม็น กลิ่นไม่ดี ก็เกิดปฏิฆานุสัย ความไม่ยินดีพอใจตามนอน คือกิเลส เพราะอะไร เพราะอวิชชานุสัย เพราะความรู้ไม่จริง ถ้ารู้จริงว่ากลิ่นนั้นก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา จมูกของเราก็ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา

เป็นเพียงก้อนธาตุ เป็นเพียงโอกาสโลก มาประชุมกันเฉย ๆ เราก็จะดับ เราก็วางโลกวางอารมณ์นี้ได้ ก็เรียกว่านิโรธ ดับทุกข์ ปัญญาที่เอามารู้มาดับ ก็ได้แก่มรรค สติปัญญามาจากมรรค..

บางส่วนจากพระธรรมเทศนาหลวงตาศิริ อินฺทสิริ ๑๐.โลก
https://youtu.be/X18OTOYeS2k?t=624 (10:24 - 12:05)

0 comments:

Post a Comment