..ใจนั้นตามหลักธรรมชาติแล้วไม่ใช่เป็นผู้สุข ไม่ใช่เป็นผู้ทุกข์ เป็นผู้รู้เฉยๆ ถ้าพิจารณาให้เข้าถึงความจริงจริงๆ แล้วต้องเป็นอย่างนั้น
ทุกข์เป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เพราะมันเป็นไตรลักษณ์
สุขก็เป็นไตรลักษณ์ ที่อยู่ใน “วงสมมุติ” และเป็นไตรลักษณ์ด้วยกันทั้งนั้น
ปัญญาพิจารณาให้ชัดเจน โดยอาศัยธาตุขันธ์เป็น “หินลับปัญญา” ให้คมกล้าขึ้นโดยลำดับ เพราะแยกส่วนแบ่งส่วนแห่งร่างกายให้เห็นตั้งแต่ยังไม่ตาย เริ่มดูป่าช้าภายในนี้แหละก่อนตาย ดูตั้งแต่ขณะยังเป็น ๆ นี้แหละ อย่าด่วนให้เขานำไปสู่ป่าช้าไปสู่เมรุ เราดูป่าช้าของเราก่อน ดูตั้งแต่ข้างนอกข้างใน ดูเข้าไปโดยละเอียดทั่วถึง
จิตจะมีความเพลิดเพลินใน “ธรรมวิจารณ์” เมื่อเห็นของจริงของสกลกายนี้มากน้อย แทนที่จะมีความอิดหนาระอาใจ มีความท้อถอยอ่อนแอ เศร้าหมองภายในจิตใจ หรืออับเฉาเศร้าใจเหมือนโลกที่สัมผัสและเป็นกัน
แต่ไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งเป็นความรื่นเริงบันเทิงไปตามกระแสแห่งการพิจารณา เพราะเป็นสายที่จะนำใจออกจากทุกข์โดยลำดับ เนื่องจากใจถูกกดถ่วงจาก อุปาทานเครื่องจองจำของกิเลสมานาน พอมีทางออกได้จึงกระหายว่ายแหวกเพื่อพ้นไป..
ความตายเป็นธรรมดา 6 ก.พ. 2519
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
0 comments:
Post a Comment