..จงวางใจเสีย อย่าเอื้อเฟื้ออาลัยในใจตน ใจมัน ไม่ใช่ใจของใครของเรา ให้วางทิ้ง
อวิชชาคือหลงขันธ์5 ไม่รู้ว่าขันธ์5 เกิดกับดับพร้อมกัน อย่างนี้ เราจึงไปอุปาทานเอาขันธ์5 นั่น ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์5 นั่นล่ะคือทุกข์ จะมีอยู่ที่ไหน ดับตัวเราลงได้
เบื้องต้นก็หลงกาย เบื้องปลายก็หลงใจ ไม่รู้เงื่อน 2 นั่นน่ะ ไม่รู้เงื่อนต้น ไม่รู้เงื่อนปลายนั่นน่ะ ไม่รู้อริยสัจ4 ไม่รู้เงื่อนต้นเงื่อนปลาย นี่แหละเงื่อนต้น เงื่อนปลาย เงื่อนต้นก็คือกาย ละสักกายทิฏฐิได้รึยังล่ะ เงื่อนต้น หือ
นี่ มันไม่อยู่ที่อื่น เงื่อนปลายก็หลงใจหนิ กายกับใจอิงอาศัยกันเกิด ก็เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท
ไม่รู้ ปฏิจจสมุปบาท นั่นน่ะอันที่ 8 อวิชชาแปลว่ามืด 8 ด้าน คือไม่รู้อริยสัจ4 4อย่างแล้ว 4 ด้านแล้ว ไม่รู้เงื่อนต้น เงื่อนปลาย ไม่รู้ทั้งเงื่อนต้นเงื่อนปลายเป็น 7 แล้ว
ไม่รู้จักขันธ์ 5 อิงอาศัยกันเกิด หรือไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท หรือว่าไม่รู้จักกระแสสมุทัย กระแสแห่งความโลภความโกรธ ความหลง กระแสแห่งอวิชชา กระแสแห่งความโลภ กระแสแห่งความโง่ รู้ไม่จริงนั่นแหละจึงโง่ ไม่ฉลาดนั่นล่ะ จึงโง่ ดับอันนี้ได้ก็หมดแล้ว สังโยชน์ 10 อย่างที่ได้นำมาอธิบายให้ฟังวันนี้..
บางส่วนจาก สังโยชน์ ๑๐ (55:50 - 57:42)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://youtu.be/7JxAXcywoug?t=55m50s
3.7.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment