29.7.16

อาจจะเกิดความรู้ขึ้นมาอีก หลายด้านหลายทาง เห็นเป็นของปฏิกูลแล้วยังไม่แล้ว เห็นเป็นของปฏิกูลเป็นเหตุให้เบื่อหน่าย เห็นเป็นก้อนทุกข์ ทนทรมานเอาจริงๆจังๆ

BY Somchatchai IN No comments

..ของเก่าไหลออกไป ของใหม่ไหลเข้าไป ไหลกันอยู่อย่างงั้น ไม่ใช่ขับถ่ายไหลแต่ทางทวารหนัก ตามผมขน ขุมขนต่างๆ มันก็ซึมซาบขับถ่ายออกไป ชื่อว่าเหงื่อว่าไคล มันต้องเป็นของปฏิกูลโดยส่วนเดียว

เราไม่คิด ถ้าพูดถึงเรื่องปฏิกูล เกลียด ไม่อยากฟัง แล้วไม่อยากพูดด้วย แล้วไม่อยากคิดด้วย คือไม่อยากเห็นของจริงนั่นเอง ถือว่าเป็นของเลวซะ เลยไม่ได้ของจริงซักที

หากว่าเราสู้ ตั้งใจที่จะพิจารณาของจริงแล้ว จะเห็นชัดขึ้นมา ว่าเป็นของปฏิกูลแท้ อันนี้เราเบือนหนีเซียะ ไม่อยากเห็นของจริง พูด ก็เลยไม่อยากพูด เลยนึก คิด ก็เลยไม่นึกอยากคิด จึงเป็นเรื่องปกปิดปัญญาไม่ให้เกิดความรู้ขึ้นมา ไม่เห็นตามเป็นจริง ขึ้นมา

หรือไม่เช่นนั้นถ้าหากว่าเราตั้งใจพิจารณา จิตมันอยู่กับที่สงบเป็นสมาธิไปพร้อมๆกัน อาจจะเกิดความรู้ขึ้นมาอีก หลายด้านหลายทาง

เช่นเห็นเป็นของปฏิกูลแล้วยังไม่แล้ว เห็นเป็นของปฏิกูลเป็นเหตุให้เบื่อหน่าย เห็นเป็นก้อนทุกข์ ทนทรมานเอาจริงๆจังๆ

ดังสำนวนพระอริยเจ้าท่านว่า คะมะนียัง พออดกลั้นได้หรือ คำว่าอดกลั้นก็หมาย ทุกข์เต็มที่แล้ว ที่คอยต้องอดต้องกลั้น ต้องทนทุกข์สู้กับทุกข์ จึงเรียกว่าอดกลั้น เห็นเป็นก้อนทุกข์ แล้วจะสังเวชสลดใจในตัวของเราเอง

บอกว่าแหมตั้งแต่เกิดมา จนกระทั้งบัดนี้ ทนทุกข์เอาเสียจริง แล้วจะเห็นความโง่ของตนอีก เราเพลิดเพลินมัวเมามาแต่ไหนแต่ไร เราไม่นึกคิด ว่ามันทุกข์อย่างนี้ มาบัดนี้เห็นชัด ขึ้นว่าแหม มันก้อนทุกข์จริงๆ เราเพลิดเพลินลุ่มหลงมัวเมานั้น

เราไม่เห็น แล้วจึงค่อยหลงเมา เมาอยู่ในกองทุกข์ เพลิดเพลินอยู่ในก้อนทุกข์จริงๆ จะเห็นความโง่ของตนเกิดขึ้นมา ความฉลาดเกิดขึ้นแล้ว ก็เห็นความโง่ของตน

ถ้าความโง่ยังปกปิดอยู่ตราบใดแล้ว ความฉลาดไม่เกิด เลยไม่เห็นความฉลาดซักที ฉลาดก็ฉลาดแกมโง่นั่นแหละ ฉลาดอะไรก็ฉลาดไปเถอะ เห็นเพียงเปลือกๆตื้นๆเขินๆ ว่าตนเห็นแล้ว ว่าตนฉลาดแล้ว ตนรู้แล้ว เพียงพอแล้ว นั่นน่ะฉลาดแกมโง่

ถ้าไม่เห็นอย่างว่านี่แล้ว มันชั่งโง่แสนโง่ จะไม่โง่ยังงัย นอนเฝ้ามันตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่เคยพิจารณาเลยซักที และไม่เคยเห็นอย่างนี้เลยซักที จะไม่โง่ยังงัย นี่แหละถ้าหากว่าเรา มาตั้งหลักจับจุดอันนี้ได้แล้ว

มาตั้งใจพิจารณาธาตุขันธ์ อันนี้ว่าเฉพาะถึงเรื่องธาตุ ขนาดพูดถึงเรื่องธาตุ คือธาตุ 4 ดินน้ำไฟลมแล้ว ก็ไม่หนี ก็ไม่ผิดจากขันธ์เหมือนกัน คือขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ก็หมายตัวรูปนี่แหละ แล้วจะให้เกิดปัญญาอย่างอธิบายมานี้..

บางส่วนจาก ธาตุสี่สรีระยนต์ (22:42 - 26:44)
พระธรรมเทศนา ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

https://youtu.be/lnMGJao-T0o?t=22m42s

0 comments:

Post a Comment