..มารตัวความคิดหนิ ท่านเรียกอภิสังขารมาร มารใหญ่ที่สุดเลย พอนั่งปั๊บมันจะคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ปล่อยมันทิ้งไป รีบเอามาเสพอยู่กับลมหายใจ เอาจิตมารู้กับลมหายใจมาเสพกับลมหายใจ เอาลมหายใจเป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ เท่านี้ ตัดออกทิ้งไป
ทิ้งไม่ได้หายใจแรงๆ กลั้นใจเอาไว้ อย่าให้มันออกมา อย่าให้มันเข้าไปอีก ถ้ามันไปคิดถึงเรื่องอื่น จนมันมาเห็นอยู่ลมหายใจ ถึงพามันหายใจ ตัวจิตตัวสติ..
..คนฉลาดเขาหามรรคผลนิพพานน่ะ คนโง่มันก็ไปหาสมมติ หาของที่เอาไปไม่ได้นั่นล่ะ
ต้องทำอย่างงี้ วิธีทำ ความคิดเกิดขึ้นก็ตัดทิ้ง ตัดกระแสอย่าไปยึดไปถือมัน ถือว่าความคิดเปรียบเสมือนงู งูพิษ ถ้าไปจับไปลูบไปคลำ จับหัวจับหางมัน มันจะฉกเรา มันจะไข้จะป่วยนะความคิดน่ะ เหมือนงูพิษ ถ้ามันไปก็ปล่อยมัน เลื่อยเข้าไปเรื่อยๆ อย่าไปจับ อย่าไป ตะครุบมันงู
อย่าไปอุปาทานเอาความคิด อย่าไปถือเอาความคิด ปล่อยทิ้งไปเลย เหมือนกับน้ำ มันมาแรงๆฝายจะขาด เราก็ปล่อย ให้มันไป ไม่ต้องไปปิดมัน ต้องเข้าใจอย่างนี้วิธีแก้ ปล่อยทิ้งไป
มาจับเอาคำบริกรรม คำภาวนา คือลมหายใจเท่านั้น มันจะคิดวันละร้อยครั้งพันครั้งก็ชั่งหัวมัน เราไม่สน เราไม่มาเอาความคิด ความคิดคือมาร คือกิเลส เราจะมาเอาธรรม มาเอาสมาธิ มาเอาปัญญา ต้องบอกมันอย่างงี้ นี่ เอาไปเอามา จิตกับลมมาเสพกันอยู่ มารู้กันอยู่อย่างงี้
เอาไปเอามาลมเบาลงเบาลง หรอกทีนี้ ถ้าคุมได้ ลมหายใจ กายละหุ ลมหายใจนี่ล่ะคือกายใน กายในกายเรา เข้าออกเข้าออก อยู่หนิไปบริหารกัน เรียกว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ เรียกว่ากายสังขาร ไปปรุงแต่งกายให้อยู่ได้ ลมหายใจ ถ้าลมไม่เข้าไม่ออกเราก็อยู่ไม่ได้
เราก็ดูอยู่นั่นแหละ เอาไปเอามาลมละหุ เบาลง ละหุแปลว่าเบา เอาไปเอามาลมระงับดับลง ความคิดก็ระงับดับลง เหลือตั้งแต่ความรู้ รู้ รู้ รู้อยู่ เด่นขึ้น มีแต่ความเยือกเย็นเป็นสมาธิเกิดขึ้นมาแทน
จะเห็นสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ละทีนี้ แต่ก่อนเราเคยมีลมหายใจอยู่ พอลมหายใจดับลงหนิ เราก็อยู่เฉยๆอยู่ไม่ตาย ถ้าปกติคนไม่หายใจมันต้องตาย พอสมาธิมาถึงตรงนี้ ลมหาย กายไม่มี มีแต่ความรู้ รู้ รู้..
อย่ามัวกินลูกท้อ (11:27 - 12:09, 13:00 - 15:46)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://www.youtube.com/watch?v=FwWsiUkGvqo
22.7.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment