พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) ..ในขณะที่เราบริกรรมภาวนาพิจารณาธรรมอันใดอันหนึ่งก็ตาม ในขณะที่เราบริกรรมหรือพิจารณาอยู่ จิตของเราอาจจะไม่สงบ และอาจจะไม่มีความรู้ใดๆ เกิดขึ้น ก็ขอได้โปรดอย่าท้อถอย ให้ใช้ขันติ ความอดทน พยายามปฏิบัติไป วันหนึ่งก็จะต้องเห็นผลอย่างแน่นอน ขอให้เราตั้งใจทำจริง ปฏิบัติจริงเท่านั้นเป็นพอ
โดยยึดหลักโพชฌงค์ว่า ภาวิตา - อบรมให้มากๆ พหุลีกตา กระทำให้มากๆ คือ ทำทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน เว้น แต่เวลาหลับ การทำสมาธิมิได้หมายความว่าเราจะมากำหนดจิตบริกรรมภาวนาหรือมาพิจารณาเฉพาะในขณะนั่งหลับตาเท่านั้น
แม้เวลาอื่นนอกจากการปฏิบัติ คือนอกจาการเดินจงกรมและจากการนั่งสมาธิ เราจะทำอะไร จะพูด จะคิด จะดื่ม จะฉัน จะรับประทานอะไรก็ตาม ให้มีสติสัมปชัญญะคอยกำกับ และเอาตัวรู้สะกดตามไปด้วย คือ ให้มีผู้รู้
ในเมื่อเรามีสติสัมปชัญญะกำกับรู้กิริยาอาการ ความเคลื่อนไหวของเราอยู่ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด เราก็มีสติสังวรอยู่ การที่มีสติสังวรอยู่ สํวโร คือ การสำรวม การสำรวม ก็คือ ศีล ความตั้งมั่นจดจ้องต่อการสังวรระวัง อันนั้นก็คือ สมาธิ ความมีสติสัมปชัญญะ รู้รอบคอบอยู่ทุกอิริยาบถนั้น คือตัว ปัญญา
ขอให้ท่านนักปฏิบัติทั้งหลายพึงเข้าใจตามนัยที่กล่าวมานี้..
บางส่วนจาก การพิจารณาธาตุววัฏฐาน - พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
บทอบรมกรรมฐาน ครั้งที่ ๙ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๑
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_poot/lp-poot_42.htm
16.9.18
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment