9.5.18

ที่ไหนได้ พอเรามาบวชแล้ว โอ้ย อโรคยา ปรมาลาภา มันคนละเรื่องกับเด็กน้อยขายยาหม่องยาอมแล้ว

BY Somchatchai IN , , No comments

"ความไม่มีโลก" เป็นลาภอันประเสริฐ //

หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ..ที่ไหนได้ พอเรามาบวชแล้ว โอ้ย อโรคยา ปรมาลาภา มันคนละเรื่องกับเด็กน้อยขายยาหม่องยาอมแล้ว,

..คุยกันไปอย่างนี้แหละ มันถึงจะว่าเข้าใจ คำว่าโลก คำว่าอารมณ์ คำว่าสมมติ คำว่าอันนั้นอันนี้ก็มา พูดให้ฟังเข้าใจ ดับโลกได้ ก็เป็นลาภอันประเสริฐ ดับขันธ์ 5 ได้ ก็เป็นลาภอันประเสริฐ

เข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น เพราะมันบังพระนิพพาน โลกบังธรรม อารมณ์บังจิต สมมติบังวิมุตติ ขันธ์ 5 บังพระนิพพาน 4 อย่างนี้ เป็นอันเดียวกัน 4 อย่างนั้น ก็หมายถึงจิตอันบริสุทธิ์นั้นเอง เข้าใจมั้ยล่ะ..

..นี่แหละ อโรคยา ปรมาลาภา อโรคยา ปรมาลาภา เด็กน้อยขายยาขี้ผึ้ง ข้างรถ ตั้งแต่หลวงตาเป็นหนุ่มอยู่ เค้าขายยาขี้ผึ้งข้างรถโดยสาร ยื่นมือขึ้นไป

อโรคยา ปรมาลาภา ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ขายก็ซื้อเค้าอยู่ ขายยาขี้ผึ้ง สมัยก่อนมีรถโดยสารไปจอดอยู่คิว จะวิ่งออกบ้านนั้นบ้านนี้ ตามตัวอำเภอจังหวัด

เด็กน้อยมันก็ซื้อยาไปขาย คนเค้าก็ไปขายของอยู่คิวรถ เอ้อนั่นล่ะยาอมยาหม่อง ที่ไหนได้ พอเรามาบวชแล้ว

โอ้ย อโรคยา ปรมาลาภา มันคนละเรื่องกับเด็กน้อยขายยาหม่องยาอมแล้ว นี่แหละเราดับโลกดับอารมณ์ดับสมมติได้ ก็เข้าสู่พระนิพพาน

บางส่วนจากหลวงตาศิริ อินทสิริ เมตตานำปฏิบัตธรรมช่วงบ่าย วันที่ 23 ธันวาคม 2559
https://youtu.be/4oSGNjqkaIM?t=1h3m9s (1:03:09 - 1:04:53 )


พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) ..ดูกรมาคัณฑิยะ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ได้ตรัสพระคาถาไว้ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง บรรดาทางทั้งหลายอันให้ถึงอมตธรรม ทางมีองค์แปด เป็นทางเกษม.

บัดนี้ คาถานั้นเป็นคาถาของปุถุชนไปโดยลำดับ. ดูกรมาคัณฑิยะ กายนี้แลเป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้

ท่านนั้นกล่าวกายนี้เป็นดังโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้ว่า ท่านพระโคดม ความไม่มีโรค นั้นคืออันนี้ นิพพานนั้นคืออันนี้.

ก็ท่านไม่มีจักษุของพระอริยะ อันเป็นเครื่องรู้ความไม่มีโรค อันเป็นเครื่องเห็นนิพพาน. ..

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๑๘  บางส่วนจาก ข้อที่ ๒๘๘
http://etipitaka.com/read/thai/13/218


  [๒๙๑] ข้าพเจ้าเลื่อมใสต่อพระโคดมอย่างนี้แล้ว ท่านพระโคดมย่อมทรงสามารถ เพื่อแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า โดยประการที่ข้าพเจ้าไม่เป็นคนบอด ลุกขึ้นจากอาสนะนี้ได้.

ดูกรมาคัณฑิยะ ถ้าเช่นนั้น ท่านควรคบสัตบุรุษ เพราะเมื่อใดท่านคบสัตบุรุษ เมื่อนั้น ท่านจักได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ เมื่อท่านได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ ท่านจักปฏิบัติธรรมสมควรแก่ ธรรม

เมื่อท่านปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจักรู้เอง เห็นเองว่า โรค ฝี ลูกศร คืออันนี้ โรค ฝี ลูกศร จะดับไปโดยไม่เหลือในที่นี้

เพราะอุปาทานของเรานั้นดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสก็ดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้.

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๒๒๐     ข้อที่ ๒๙๑
http://etipitaka.com/read/thai/13/220/


สมเด็จพระญาณสังวร ..อโรคยา ปรมาลาภา  ..ทรงมุ่งหมายเอาถึงโรคคือกิเลส.. ..สิ้นกิเลสจึงจะเป็น อโรคยะ คือความไม่มีโรค ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่งทางพุทธศาสนาจึงมุ่งถึงความไม่มีโรคคือกิเลส ก็คือจิตว่างกิเลส..

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก - อโรคยา ปรมาลาภา
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-001.htm


พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) ..ดูกรภิกษุทั้งหลาย โรค ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือโรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคด้วยโรคทางกาย ตลอดปี หนึ่งมีปรากฏ ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคตลอด ๒ ปีบ้าง ๓ ปีบ้าง ๔ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง ๔๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง ผู้ปฏิญาณความไม่มีโรคแม้ยิ่งกว่า ๑๐๐ ปีบ้าง มีปรากฏ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดปฏิญาณความไม่มีโรคทางใจแม้ครู่หนึ่ง สัตว์เหล่านั้นหาได้ยาก ในโลก เว้นจากพระขีณาสพ ฯ

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๑
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
หน้าที่ ๑๔๑ ข้อที่ ๑๕๗
http://etipitaka.com/read/thai/21/141

0 comments:

Post a Comment