หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ..ไม่ได้หลงไกลนะ หลงแค่นี้ หลงว่าเป็นเรา เป็นตัวของเรา,
..รูปกับนามอิงอาศัยกันเกิด เกิดแล้วก็ดับ เกิดกับดับพร้อมกัน เหมือนสายฟ้าแลบ เร็วถึงขนาดนั้น ไวถึงขนาดนั้น จนเราสังเกตไม่ทัน เราจึงหลง หลงโลก หลงโลก รู้จักหลงโลกมั้ย หลงดินน้ำลมไฟ นี่ล่ะ หลงกายกับใจหลงรูปกับนาม
หลงโลก หลงสมมติ หลงบัญญัติ หลงโลก หลงขันธ์ 5 ก็อันเดียวกัน หลงโลกก็อันเดียวกัน หลงว่าเป็นเรา เป็นตัวของเรา ไม่ได้หลงไกลนะ หลงแค่นี้ หลงว่าเป็นเรา เป็นตัวของเรา นี่แหละเกิดมา เกิดมาทำไม
หลงโลก หลงอารมณ์ หลงสมมติ ว่าเป็นเรา เป็นตัวของเรา เป็นของของเรา พระพุทธองค์ว่า สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง หมายถึงก้อนสกลกาย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเราจริง จริง เป็นเรา เป็นของของเราโดยสมมติเท่านั้น เราก็เลยไปหลงสมมติ ไปถือเอาสมมติ จริงๆจังๆ สมมตินี่แหละ มันจึงบังวิมุติ ไม่ให้เราเห็นพระนิพพาน
หมุน โลกมันหมุนอยู่อย่างงี้ ขันธ์ 5 มันหมุนเป็นปัจจุบันอยู่อย่างงี้ ตาเห็นรูป เห็นปัจจุบัน ขันธ์ 5 เกิดดับ จึงเรียกว่าโลกเกิดดับ หูได้ยินเสียง ก็เรียกว่าโลกเกิดดับ หรือขันธ์ 5 เกิดกับดับพร้อมกัน นี่ล่ะปัจจุบันธรรม
อารมณ์ไหลเข้าไป หรือรูปภายนอก มากระทบกับรูปภายในก็ว่า รูปภายในคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูปภายนอกก็คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ(สัมผัส) ธรรมารมณ์ คู่ใด อย่างใดอย่างหนึ่งมาได้ทีละอย่าง มันกระทบกัน
จิตน้อมออกรับอารมณ์ก็เรียกว่าเวทนา สัญญาสังขารเกิด แล้วก็ดับ นี่แหละ ปัจจุบัน ปัจจุบันธรรม..
บางส่วนจากพระธรรมเทศนาหลวงตาศิริ อินฺทสิริ ๐๓.ใจ
https://youtu.be/E7PZ4dPI5ak?t=6m36s (6:36 - 9:42)
23.4.18
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment