..พระพุทธเจ้า เมื่อได้ตรัสรู้แล้ว ได้ประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทธรรมะที่อาศัยกันบังเกิดขึ้น โดยสมุทัยวาร คือโดยวาระเกิด ก่อทุกข์ ทรงเปล่งอุทานในปฐมยามแห่งราตรีที่แปลความว่า
"เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นความสงสัยของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะมารู้ธรรมว่ามีเหตุ หรือเกิดแต่เหตุ"
ต่อจากนั้นทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท โดยนิโรธวาร คือโดยวาระดับ คือดับทุกข์ ทรงเปล่งอุทานในมัชฌิมยามแห่งราตรีแปลความว่า
"เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นความสงสัยของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป เพราะมารู้ความสิ้นไปแห่งปัจจัยทั้งหลาย"
ต่อจากนั้นทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ทั้งโดยสมุทัยวาร ทั้งโดยนิโรธวาร ทรงเปล่งอุทานในปัจฉิมยามแห่งราตรีแปลความว่า
"เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นความสงสัยของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป พราหมณ์นั้นกำจัดมารและเสนา สถิตย์อยู่เหมือนอย่างดวงอาทิตย์ สถิตย์ส่องสว่างอยู่ในนภากาศ ดั่งนี้"
บางส่วนจาก สัมมาทิฏฐิ ๔๒ อริยสัจจ์โดยพิสดาร
พระธรรมเทศนา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
0 comments:
Post a Comment