หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ..สัพพะกายะปะฏิสังเวที รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง กายทั้งปวงหมายถึงลมหายใจ และกายเนื้อกายหนัง รวมทั้งสองอย่าง ลมเข้าลมออกนั่นแหละคือกาย บวกกับกายเนื้อกายหนังอีก
เพราะว่า วิ่งเข้าไป ที่เราว่าเห็นกายในกาย เห็นลมหายใจวิ่งเข้าไปในกายเรา เห็นกายในกาย..
บางส่วนจาก 04 ๗๔ ปี หลวงตาศิริ อินฺทสิริ แผ่น 2 วันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 ช่วงบ่าย
https://youtu.be/qu46KBvcPZw?t=6m11s (6:11 - 6:47)
พระไตรปิฎก ..ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวลมหายใจออก ลมหายใจเข้านี้ ว่าเป็นกายชนิดหนึ่งในพวกกาย เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นกายในกายมีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ฯ
บางส่วนจาก ข้อ [๒๘๙]
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๔ หน้าที่ ๑๕๖
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
http://etipitaka.com/read/thai/14/156/
พระไตรปิฎก ..จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ได้ถามปัญหายิ่งขึ้นไปอีก ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็เพราะเหตุไร ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกจึงชื่อว่ากายสังขาร วิตก วิจารจึงชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ
กา.(พระกามภู) ดูกรคฤหบดี ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเป็นของเกิดที่กายธรรมเหล่านี้เนื่อง ด้วยกาย ฉะนั้น ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกจึงชื่อว่ากายสังขาร
บุคคลย่อมตรึกตรอง ก่อนแล้ว จึงเปล่งวาจาภายหลัง ฉะนั้น วิตกวิจารจึงชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาเป็นของ เกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิตฉะนั้น สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๘
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
หน้าที่ ๓๐๒ - ๓๐๓ ข้อที่ ๕๖๒
http://etipitaka.com/read/thai/18/302/
26.9.18
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment