13.9.16

วิชชา 3 ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ

BY Somchatchai IN No comments

..วิชชา 3 ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ตอนพระพุทธองค์ จิตลงถึงอัปปนา ว่าง พักอยู่ จิตไม่ได้ทำงาน พักอยู่ จิตออกจากสมาธิใหม่ๆ จิตนุ่มนวลคู่ควรแก่การใช้งาน

ท่านก็ใช้จิตตอนนี้ กำลังสว่างไสว น้อมจิต ไปดูจิต สัญญาอารมณ์เก่า เคยเกิดมาตั้งแต่ชาติไหน ใครเป็นผัวเป็นเมียกันอยู่นี่ สับเหมือนกับเค้าสับไพ่ ภพนั้นภพนี้ ร้อยภพพันชาติหมื่นชาติ แสนชาติล้านชาติ ไม่มีใครไม่เป็นผัวเป็นเมียกันเป็นไปหมด

ถ้าน้อมไปดู จบไม่เป็น น้อมจิตเข้าไปดูสุญญตา ความว่างอันนั้น จิตแท้ใจเดิมของเรา มันจะเก็บเอาสัญญาอารมณ์ไว้ตั้งแต่อดีตชาติมา ก็ได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ

น้อมไปดูว่า ใครไปเกิดเป็นอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมเค้าไปเกิดเป็นอันนั้น อันนี้ ก็เพราะกรรมของเขา เข้าใจมั้ย เคยไปฆ่าสัตว์ลักทรัพย์มาก็ไปใช้กรรม ใช้เวร เคยไปคบชู้สู่หญิงอื่นชายอื่น ก็ไปใช้กรรมใช้เวร เราจะเห็น สัตว์ต้องเป็นไปตามผลของกรรม เข้าใจมั้ย

พระพุทธองค์จึงให้เชื่อกรรม เคยไปทำชั่วเอาไว้ ก็ไปเกิดใช้กรรม..

..นี่แหละ จุตูปปาตญาณ มันก็เกิดอย่างงี้ เข้าใจมั้ยล่ะทีหนิ พระพุทธองค์ท่านว่า เราทำกรรมอันใดไว้นั่น พาสวดอยู่น่ะ เป็นบุญหรือเป็นบาป นั่น เราจะเป็นทายาท คือจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นแล เข้าใจมั้ยล่ะ

ทีนี้ ญาณตัวที่ 3 เรียกว่า อาสวักขยญาณ ญาณสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลส กิเลสมันเกิดจากไหน เกิดจากอายตนะภายนอกภายในกระทบกัน เข้าใจมั้ยล่ะ อายตนะคือที่ต่อบ่อเกิดของกิเลส มันกระทบกันแล้วก็ส่งไปบอกใจ

ใจก็เป็นอวิชชา ใจโง่อยู่ หลงว่าใจมีจริงๆ หลงว่าเราเป็นใจ ใจเป็นเรา ที่จริงใจไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขานะหนิ เรายังมาถือว่าใจเป็นเราอยู่ พอตาเห็นรูปมันก็ส่งเข้าไปบอกใจ

ใจก็เลยเสวยอารมณ์ ถ้ารูปสวยก็ราคานุสัย เรียกว่ากามาสวะเกิด เข้าใจมั้ย รูปเสียงกลิ่นรสที่ยินดีพอใจ ก็เรียกว่า กามาสวะ ถ้ารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ที่ไม่ยินดีพอใจ ก็เรียกว่าทุกขเวทนา

ทุกขเวทนาเกิด ปฏิฆานุสัยตามนอน หรือเรียกว่า ภวาสวะ กามาสวะ ภวาสวะ ถ้าเราหลงว่าใจเป็นสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาก็ อวิชชานุสัยตามนอน

เข้าใจมั้ยทีหนิ ตัวกูตัวเราก็อยู่ในนี่ล่ะ มึงว่ากูหรือก็อยู่นี่ อวิชชานุสัยตามนอน ตามนอนอยู่ในสันดาน สันดอนมันพอขุดออกได้อยู่ แต่สันดานมันขุด มันติดไปจนตายติดในสันดาน ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา อยู่ในนี่ เพียงแต่อารมณ์เฉยๆ เราก็ดับได้ ไม่มีสัตว์บุคคลอยู่ในนี่

อวิชชาก็ดับลง เมื่ออวิชชาดับ ความโลภก็เกิดไม่ได้ ความโกรธก็เกิดไม่ได้ มันโลภได้ก็เพราะว่าหลงว่าเรามี หลงว่าใจเป็นเรา หลงว่าขันธ์ 5 เป็นเราเท่านั้น

ถ้าขันธ์ 5 ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ว่างจากสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา ขันธ์ 5 มันก็ทำงานเอง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ตถตา นั่นน่ะ ตถตา เช่นนั้นเอง ไม่มีตัวไม่มีตนสัตว์บุคคล

เขาทำงานอยู่ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เช่นนั้นเอง มันก็ไม่มีใครไปถือเอา ศูนย์ ลบ ศูนย์ เหลือ ศูนย์ ว่าง นี่แหละสูญญตา..

พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ณ บ้านจันทร์ส่องธรรม เชียงใหม่ วิถีแห่งภาวนา๑๕ เช้า ๑๔ พ.ย. ๕๘
https://youtu.be/Tp4rJSkQxKs?t=52m
(52:00 - 54:09, 54:30 - 58:15)

0 comments:

Post a Comment