..ศาสดาของโลกเป็นผู้เหนือโลก เป็นผู้ประเสริฐสุด พระสาวกอรหัตอรหันต์ท่านประเสริฐสุด เพราะจิตดวงที่บริสุทธิ์ซึ่งพ้นจากเครื่องหุ้มห่อ ที่มีความสว่างไสวหรือความผ่องใสนี้เป็นตัวการสำคัญ
เมื่ออันนี้สลายไปแล้ว ธรรมชาติที่อัศจรรย์เหนือโลกสมมุติก็แสดงตัวขึ้นมาอย่างเต็มดวง นั้นแลความประเสริฐของท่าน ท่านประเสริฐที่ตรงนั้น นั้นจึงเป็นความประเสริฐแท้ โดยไม่ต้องระวังรักษา ไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ต้องปิด ไม่ต้องสงวน ไม่ต้องรักษา
ไม่เหมือนความสว่างไสวซึ่งเปรียบเหมือนมูตรคูถนี้ ซึ่งต้องรักษา เป็นความกังวลอยู่ตลอดเวลา คือกังวลตามขั้นของจิต แม้ไม่มากก็มีให้ปรากฏ สุขเวทนาก็มีอยู่ที่นั่น เพราะมันเป็นขั้นของสมมุติ สมมุติกับสมมุติก็เข้าถึงกันได้ พอสมมุติอันละเอียดนี้สลายลงไปหมดแล้วก็ไม่มีอะไรปรากฏ!
ฉะนั้นพระอรหันต์ท่านจะเสวย สุขเวทนา ทุกขเวทนา และ อุเบกขาเวทนาในจิตเหมือนอย่างที่เคยเสวยมาแล้วในคราวยังไม่สิ้นกิเลสอาสวะนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้เพราะธรรมชาติที่เหนือสมมุติทั้งปวงนั้น เป็นเครื่องยืนยันในตัวเอง เวทนาเหล่านี้เป็นเรื่องของ “สมมุติ” ทั้งมวล
เมื่อจิตดวงนั้นพ้นจากสมมุติแล้ว จะเป็นเวทนาเหมือนอย่างจิตทั่วๆ ไปไม่ได้ และมีข้อหนึ่งที่แสดงในหลักธรรมว่า “นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ความสุขของพระนิพพานนั้น ไม่ใช่ความสุขอย่างโลกๆ ซึ่งเกิดแล้วดับไป เกิดแล้วหายไป แต่เป็นความสุขที่มีอยู่ดั้งเดิมกับธรรมชาติแห่งจิตที่บริสุทธิ์แล้วเท่านั้น จึงไม่จัดว่าเป็น “เวทนา” ถ้าเป็นเวทนาก็ต้องเป็น “อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” ไปด้วยกัน อันนั้นไม่เป็นเวทนา จึงไม่มี อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องได้ จิตที่พ้นจากสมมุติเป็นอย่างนี้
นี่แหละที่พระพุทธเจ้าท่านประเสริฐ ท่านประเสริฐในที่นี้เอง แล้วนำธรรมออกจากธรรมชาตินี้มาสั่งสอนโลก ไม่ได้ออกจากสิ่งใด ออกจากความบริสุทธิ์นี้เท่านั้น การแสดงธรรมออกมาจึงเป็นธรรมของจริงเต็มส่วน..
บางส่วนจาก จิตบริสุทธิ์
พระธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
0 comments:
Post a Comment