หลวงปู่เหรียญ : ..ดังนั้นแหละ เมื่อคิดเห็นอะไรขึ้นมาแล้ว เห็นจริงตามธรรมชาติธรรมดามาแล้ว ปล่อยวาง ไม่ถือมั่นความเห็นอันนั้นไว้ ปล่อยวางแล้ว จิตใจมันก็เป็นกลางอยู่อย่างนั้น มันก็ไม่เอียงไปข้างนู้นข้างนี้อะไร เนี่ยจึงสมกับที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งหลายไม่ควรถือมั่น
นั่นแหละพากันเข้าใจไว้การปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนานี้ ถ้าพูดสั้นๆลงมาแล้วก็หมายความว่า เราปฏิบัติทำความดีอะไรไม่ใช่ทำเอา ทำทิ้ง รู้อะไรไม่ใช่ยึดเอาความรู้อันนั้นไว้ รู้อะไรแล้วปล่อยทิ้ง นั่นแหละมันจึงถูกต้อง
อ้าวถ้าอะไรก็ปล่อยทิ้งหมดแล้วมันจะได้อะไรล่ะ เอ้าก็ยังว่ามันไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ถ้ายังต้องการอยู่ยังมีได้มีเสียอยู่นี้ มันก็มีทุกข์อยู่อย่างนั้น มันก็มีอุปาทานอยู่อย่างงั้น มันก็ไม่พ้นจากการเกิดอีกต่อไป
ฉะนั้นการที่เราหัดปลงหัดวาง หัดปล่อยลงให้ใจมันว่าง อยู่อย่างนั้น ว่างจากความยึดความถือนี่ อย่างนี้มันถึงจะหลุดจะพ้นไปจากทุกข์ในสงสารอันนี้ได้ ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ แต่ภายในจิตใจนั้นมันปล่อยมันวางแหละ แต่การกระทำกิจการงานต่างๆภายนอกนี่ มันต้องทำไปตามหน้าที่
ไม่ใช่ว่าปล่อยวางอะไรภายในใจแล้วหมดแล้วไม่ต้องทำอะไรเลย อันนั้นก็เห็นผิดไปอีกแหละ ให้เข้าใจ เพราะว่าไอ่ดวงจิตนี้มันมาอาศัยขันธ์5 นี้อยู่ ขันธ์5 นี้ก็มีบุญมีบาปมาหล่อเลี้ยงไว้ มารักษาไว้ เป็นอย่างงั้น
ก็ต้องทำไปตามหน้าที่ เมื่อขันธ์5นี้มัน เหตุปัจจัยที่บำรุงขันธ์ 5 นี้ยังไม่หมด มันก็ย่อมเป็นไปอยู่ ก็ต้องบำรุงมันไปรักษามันไป เหมือนอย่างพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น ท่านสำเร็จอรหันต์แล้วท่านก็ยังปฏิบัติไปตามเดิมนั่นแหละ ตามข้อวัตรปฏิบัติไปอยู่อย่างนั้น
ท่านก็บำเพ็ญสงเคราะห์ผู้อื่นไปเรื่อยๆ สำหรับกิจของท่านนั้นเป็นอันว่าหมดสิ้นไปแล้ว ไม่ต้องทำอีกแล้วกิจส่วนตัวของท่าน บาดนี้เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็ช่วยเหลือผู้อื่นบาดนี้นะ เท่าที่จะช่วยได้ นี่เป็นปฏิปทา ของพระอรหันต์ท่านผู้รู้ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น..
บางส่วนจากพระธรรมเทศนา - หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ธรรมทั้งหลายไม่ควรถือมั่น 1 มี.ค. 32
https://youtu.be/F_i2RJjvlak?t=21m46s
(21:46 - 25:09)
9.10.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment