แม้แต่ จับชายผ้าเหลือง ชายสังฆาฏิ หรือชายผ้าเหลืองของพระพุทธเจ้าอยู่ ถ้าไม่เห็นธรรมชาติอันนี้ ก็ไม่เห็นธรรมนะ ไม่เห็นพระพุทธเจ้านะ

..แม้แต่ จับชายผ้าเหลือง ชายสังฆาฏิ หรือชายผ้าเหลืองของพระพุทธเจ้าอยู่ ถ้าไม่เห็นธรรมชาติอันนี้ ก็ไม่เห็นธรรมนะ ไม่เห็นพระพุทธเจ้านะ..

..นี่แหละเห็น ไม่มี สัตว์บุคคล ตัวตนอยู่ในนี่ ว่างเป็นสูญตา เป็นธรรมชาติ สูญตา มหาปุริสา เป็นธรรมชาติ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็เห็นเรา เราคือใคร คือผู้รู้นี่แหละ เราคือตถาคต ตัวผู้รู้กับตัวธรรมชาติมันจะเป็นอันเดียวกัน ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็เห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นก็เห็นผู้รู้ ผู้ใดเห็นผู้รู้ ผู้นั้นก็เห็นพระพุทธเจ้า เห็นพระธรรม พระสงฆ์ ไม่ได้อยู่ที่อื่น

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็เห็นเรา เราก็คือผู้รู้ รู้ๆๆ เป็นธรรมชาติอยู่นั่น ไม่ลูบคลำในหนทางล่ะทีนี้ เห็นแล้ว ได้สรณะที่พึ่ง ใจขาดธาตุแตก ขันธ์ดับ เอาเข้าไปอยู่กับนี่แหละ กำจัดภัยได้จริงแหละ พุทธัง ธัมมัง สังฆังหนิ เอาจิตไปพึ่ง เอาพุทโธ ธัมโม หนิ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง

เราก็จะไปเกิดเป็นพระอนาคามี หรือจิตเข้าสู่พระนิพพาน เป็นพระอรหันต์ เข้าสู่พระนิพพานไปเลย ไม่ต้องไปถืออารมณ์ไหน เอาสูญตา นั่นน่ะ ว่าง สูญตา มหาปุริสา มหาบุรุษ คือพระพุทธเจ้า ก็อยู่นี่ ธรรมชาติอันนั้น ความว่างอันนั้น

ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นก็เห็น พระพุทธเจ้า ผู้ใด ผู้เห็น พระพุทธเจ้า ผู้นั้นก็เห็นธรรม มันไม่อยู่ที่อื่นดอก เข้าใจมั้ยล่ะ แม้แต่ จับชายผ้าเหลือง ชายสังฆาฏิ หรือชายผ้าเหลืองของพระพุทธเจ้าอยู่ ถ้าไม่เห็นธรรมชาติอันนี้ ก็ไม่เห็นธรรมนะ

ไม่เห็นพระพุทธเจ้านะ ถึงจับชายผ้าเหลืองอยู่ ถ้าใครไปเห็นพุทโธ ธัมโม นี่แหละ ผู้ใด ก็เห็นเราเท่านั่น เห็นพุทโธ ธัมโม เห็นสังโฆ ผู้ใดเห็นธรรม ก็เห็นเรา..


บางส่วนจาก พระธรรมเทศนาช่วงเช้า 13 พฤศจิกายน 2558  (50:35 - 53:00)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต

https://youtu.be/7QMPYdSiR28?t=50m35s