23.1.18

..แม้จะมีใครคิดอิจฉาเบียดเบียนมาแต่ก่อนนู้น ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ นั่นแหละ ใครแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ ต่อมา แต่ก่อนมา ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์เลย เอ่าอันนั้นเรื่องของคนอื่น เรื่องของผู้นั้น เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรต่ออะไรไปตามเรื่องของเขา ก็เราอย่าไปเอาเรื่องของเขามาเป็นอารมณ์ มันไม่ดี

BY Somchatchai IN No comments

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ..แม้จะมีใครคิดอิจฉาเบียดเบียนมาแต่ก่อนนู้น ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ นั่นแหละ ใครแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ ต่อมา แต่ก่อนมา ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์เลย เอ่าอันนั้นเรื่องของคนอื่น เรื่องของผู้นั้น

เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรต่ออะไรไปตามเรื่องของเขา ก็เราอย่าไปเอาเรื่องของเขามาเป็นอารมณ์ มันไม่ดี//

..พอมีเมตตาธรรมมากเข้าไปเท่าใด เพราะว่าความเป็นผู้ที่ว่า ภายในจิตใจนั่น ความคิดที่จะอิจฉาพยาบาทเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น น้อยหนึ่งก็ไม่มีอยู่ในใจอย่างงี้นะ

มีแต่ความปรารถนาให้ตนเองและผู้อื่นเป็นสุข โดยทั่วหน้ากันเลย บรรดาสัตว์ที่ข้องอยู่ในโลกอันนี้นะ เราเพ่งดูตรวจดูจิตใจนี่ เห็นใจของตนเป็นอย่างนั้นจริงๆอยู่อย่างเงี่ย

เพ่งใจอันปกติอยู่ด้วยเมตตาธรรมอยู่อย่างงั้น เข้าไปใจมันก็สงบ มันก็รวมเข้าไปเรื่อยๆ มันก็ไม่มีกังวลอะไรต่อไป เพราะว่าเราไม่ได้คิดว่าใครมาด่าเรา ใครมาอิจฉาเบียดเบียนเรา อะไรหมู่นี้นะ ไม่ได้คิดเลย ในขณะนั้น

แม้จะมีใครคิดอิจฉาเบียดเบียนมาแต่ก่อนนู้น ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ นั่นแหละ ใครแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ ต่อมา แต่ก่อนมา ก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์เลย เอ่าอันนั้นเรื่องของคนอื่น เรื่องของผู้นั้น

เขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรต่ออะไรไปตามเรื่องของเขา ก็เราอย่าไปเอาเรื่องของเขามาเป็นอารมณ์ มันไม่ดี สอนจิตใจตนเองเข้าไปอย่างนี้แล้ว มันก็วางอารมณ์ภายนอกต่างๆเหล่านั้นลงได้ จิตมันก็บริสุทธิ์อยู่ด้วยกุศลธรรม..

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - ผู้ปฏิบัติตนคือนักปฏิบัติธรรม 14 ส.ค. 32
https://youtu.be/7ZKQX9Ywhq0?t=26m55s (26:55 - 28:42)

0 comments:

Post a Comment