หลวงปู่เหรียญ ..ถ้าใครยังตื่นเต้นหวั่นไหวอยู่ ในเรื่องไม่ดีไม่งามในโลกสงสารอันนี้ แสดงว่าที่พึ่งของผู้นั้นยังง่อนแง่นคลอนแคลนอยู่ ยังไม่มั่นคง//
..การรักษาสมาธิจิตไว้ นี้นะ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ขอให้เข้าใจกันไว้ให้ดีๆ เพราะเมื่อเรารักษาสมาธิจิตนี้ไว้แล้ว ใครสรรเสริญเยินยอมา เราก็ไม่หลงไม่เพลินไปตาม ใครนินทาว่าร้ายมาเราก็ไม่หวั่นไหวไปตาม จิตเราก็คงที่ นี่ ผู้มีสมาธิจิตแล้วนะ เป็นอย่างงั้น
ผู้ไม่มีสมาธิจิตแล้ว มันย่อมหวั่นไหวไปตาม เรื่องสรรเสริญเรื่องนินทานั้นๆ เป็นอย่างงั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจะทำคุณงามความดี ให้ก้าวหน้าไปไม่ได้เลย จิตใจที่ยังวอกแวกหวั่นไหวไปอยู่อย่างงั้น
ผู้ที่จะทำบุญกุศลหรือว่าปฏิบัติธรรมให้สูงขึ้นไปได้ มันต้องฝึกจิตนี้ให้หนักแน่นให้ตั้งมั่นลงไปให้ได้ ตั้งมั่นต่อ กุศลคุณงามความดีที่ได้ทำมาแล้ว เอาบุญกุศลคุณพระรัตนตรัยนั่นแหละ มาเป็นกำลังใจ เพื่อให้ทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป เป็นอย่างงั้น
การที่จิตจะไม่หวั่นไหวต่อความชั่วร้ายต่างๆในโลกนี้ ก็เพราะว่าจิตนี้มันมีบุญมีคุณเป็นที่พึ่งอย่างที่ว่ามานั้นแหละ พึงเข้าใจ ถ้าใครยังตื่นเต้นหวั่นไหวอยู่ ในเรื่องไม่ดีไม่งามในโลกสงสารอันนี้
แสดงว่าที่พึ่งของผู้นั้นยังง่อนแง่นคลอนแคลนอยู่ ยังไม่มั่นคง หนิ ต้องรู้ตัว เมื่อรู้ว่าจิตตนหวั่นไหวอยู่อย่างงั้น แสดงว่าที่พึ่งของตนนี้ยังไม่แข็งแรงพอ
ก็พยายามทำความยินดีพอใจอยู่ในบุญในคุณอันนั้นให้มากๆเข้าไป....
....เมื่อใจตั้งมั่นแล้ว เห็นอะไรรู้อะไรมันก็เห็นไปตามเป็นจริงเลยบัดหนิ เห็นอะไรมันก็เห็นเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตาไป ทุกครั้งทุกคราวไป นี่ท่านจึงเรียกว่าเห็นถูกเห็นชอบตามความเป็นจริง
ถ้าไปเห็นเป็นสัตว์เป็นบุคคล เห็นไปตามนิยมสมมติของโลกไปอยู่อย่างนั้นนะ มันได้ชื่อว่าไม่เห็นตามสภาพความเป็นจริง เห็นไปตามสมมติเฉยๆ นั่นแหละ
เมื่อเห็นแต่เพียงแค่ไปตามสมมติเท่านั้น มันก็ติดสมมติแล้วบัดนี้นะ ติดอยู่ในสมมตินั้น เช่นอย่างเขาสมมติว่า คนนี้นะไม่ดีน่าเกลียด อย่างนี้ เอ๊าตนก็พลอยไปเกลียดกับเขาเข้า เช่นนี้นะ นั่นเรียกว่าไหวไปตามสมมติของโลก เป็นอย่างงั้น
ทีนี้ เมื่อผู้ที่มาพิจารณา ไตรลักษณญาณนี้ เห็นแจ่มแจ้งอยู่ในใจ เอ๊าใครเขาว่า คนคนนี้น่าเกลียด น่าชังมาก มันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ จิตของผู้นั้นก็จะไม่หวั่นไหวไปตามเลย ไม่เกลียดไม่ชังไปตาม
ก็เพราะมันมองเห็นอยู่หนิ สังขารหรือว่ารูปนามต่างๆเหล่านั้น มันก็ล้วนแต่อนิจจังทุกขังอนัตตาทั้งนั้น ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่ของเราอะไรเลย
แล้วจะไปหวั่นไหวไปทำไม ดีชั่ว มันก็เป็นเรื่องของผู้นั้นเอง แล้วทำไมเราจะไปคอยไปเกลียดชัง กับสมมติของโลกอันนั้น นี่แหละการเจริญภาวนานะ การเจริญวิปัสสนา ให้พึงเข้าใจไว้ สมาธิกับปัญญาน่ะ มันต้องควบคู่กันไปทุกเวลาเลย..
เมื่อใจตั้งมั่นลงไป รักษาใจให้ตั้งมั่นอยู่แล้วอย่างนี้ อะไรๆมาถึงเข้า มันกำหนดรู้แจ้งในเรื่องนั้นทันทีเลย เรียกว่ารู้ตามเป็นจริงเลย..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - จิตนี้ฝึกยากแต่ต้องฝึกจึงดีได้ 24 ส.ค. 32
https://youtu.be/c3eErtOTN8M?t=24m18s (24:18 - 26:23, 27:37 - 30:02)
10.1.18
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment