11.1.18

..ไอ่วาจาที่เปล่งออกมานั่น ก็เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ท่านเรียกว่า สัททธาตุ ธาตุคือเสียง เนี่ย มันไม่ใช่มีตัวมีตนอะไร จะไปโกรธตอบทำไม .. นักปฏิบัติธรรม นักภาวนามันต้องเพ่งพิจารณา ให้มันเข้าถึงปรมัตถธรรม ให้ได้

BY Somchatchai IN No comments

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ..ไอ่วาจาที่เปล่งออกมานั่น ก็เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ท่านเรียกว่า สัททธาตุ ธาตุคือเสียง เนี่ย มันไม่ใช่มีตัวมีตนอะไร จะไปโกรธตอบทำไม .. นักปฏิบัติธรรม นักภาวนามันต้องเพ่งพิจารณา ให้มันเข้าถึงปรมัตถธรรม ให้ได้//

..ถ้าพูดโดยสมมติ มันก็มีคนนั้นสวยงามดี คนนี้ขี้ร้าย คนนั้นเป็นคนดี มีจรรยามารยาทดี คนนี้เป็นคนเลว มีความประพฤติหยาบช้าลามก มันก็ต้องไปตามกรรมของบุคคลที่สร้างมา นั่นแหละ แล้วก็สมมติกันว่าเป็นคนดีคนชั่ว

สมมติอันนี้มันก็มีความจริงอยู่ ท่านเรียกว่าสมมติสัจจะ มันก็เป็นความจริงอันหนึ่งในโลกนี้น่ะ ถ้าไม่สมมติอย่างนี้ก็ ไม่รู้ว่าจะสังคมกันได้อย่างไร นั่นแหละสังคมกันไม่ได้เลย เกิดมาอยู่ร่วมกันหนิ ไม่รู้เรื่องราวอะไรกันเลย

แต่สมมติเหล่านี้ มันเป็นของไม่เที่ยง ต้องคิดให้มันเห็น ไม่ใช่ว่ามันเที่ยงยั่งยืน ถ้ามันเที่ยงยั่งยืนแล้วมันก็ไม่ตายสักทีแหละ คนเราเกิดมาแล้วน่ะ

อันนี้แหละพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนให้รู้เท่า อย่าไปหลงตามสมมติ เมื่อผู้ใดรู้เท่าแล้ว มันก็สบายใจดี เขาโกรธมาก็ไม่โกรธตอบ ก็เพราะว่าไอ่วาจาที่เปล่งออกมานั่น ก็เป็นแต่เพียงธาตุชนิดหนึ่ง ท่านเรียกว่า สัททธาตุ ธาตุคือเสียง เนี่ย มันไม่ใช่มีตัวมีตนอะไร

จะไปโกรธตอบทำไม ไอ่วาจาที่กล่าวออกมาจากปากนั่น ปากของคนก็ไม่ใช่ปากจริง นั่นแหละ ตัวคนไม่ใช่ตัวคนจริง เป็นแต่สมมติว่าเอาเฉยๆ เป็นแต่ธาตุ4 ดินน้ำไฟลม เท่านั้น

นักปฏิบัติธรรม นักภาวนามันต้องเพ่งพิจารณา ให้มันเข้าถึงปรมัตถธรรม ให้ได้ ผู้ไม่ปฏิบัติธรรมนั่นก็ เค้าก็ไปตามเรื่องของเขา อันนั้นมันก็ห้ามกันไม่ได้ เพราะว่าทุกคนย่อมมีเสรีภาพ..

บางส่วนจาก พระธรรมเทศนาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - ฝึกจิตพิจารณากาย
https://youtu.be/2_Opi4uMrC0?t=11m19s (11:19 - 13:58)

0 comments:

Post a Comment