..ใจจริงๆมีมั้ยหนิ หือ มันไม่มี ใจหนิเป็นชื่อของธรรมชาตินี้ จิตเป็นธรรมชาติอยู่นี้ ต่อมาเค้าตั้งชื่อว่าใจ ..สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ หอมมันก็รู้ มันเป็นกลางอยู่ อุเบกขาอยู่ ไม่ยินดีไม่ยินร้ายเค้าเรียกว่าเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางหนิเขาตั้งชื่อ สมมติให้ตัวธรรมชาตินี้ ตั้งชื่อว่า สมมติว่าใจ ..พระพุทธองค์บอกตอนหนึ่งนะ จงวางใจเสีย อย่าเอื้อเฟื้ออาลัยในใจตน

หลวงตาศิริ : ..ใจจริงๆมีมั้ยหนิ หือ มันไม่มี ใจหนิเป็นชื่อของธรรมชาตินี้ จิตเป็นธรรมชาติอยู่นี้ ต่อมาเค้าตั้งชื่อว่าใจ  ..สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ หอมมันก็รู้ มันเป็นกลางอยู่ อุเบกขาอยู่ ไม่ยินดีไม่ยินร้ายเค้าเรียกว่าเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางหนิเขาตั้งชื่อ สมมติให้ตัวธรรมชาตินี้ ตั้งชื่อว่า สมมติว่าใจ

..พระพุทธองค์บอกตอนหนึ่งนะ จงวางใจเสีย อย่าเอื้อเฟื้ออาลัยในใจตน  ..วางได้ไหม วางรู้ว่ามัน ไม่ใช่เรา ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา เป็นสมมติ ตั้งชื่อมาเรียกธรรมชาติอันนี้ว่าใจเฉยๆ เข้าใจมั้ยทีหนิหือ พูดย้ำมันอยู่นี่ล่ะ

..ใจเป็นชื่อของนามธรรม เป็นชื่อของธรรม นามแปลว่าชื่อ ชื่อของธรรมชาติอันนี้ เขามาตั้งชื่อว่าใจ ..ธาตุ4 เป็นอะไร ดินน้ำลมไฟหนิ เป็นกาย นาม4 หนิเป็นกิริยาอาการของใจ กิริยาอาการของจิต ตัวผู้รู้ จึงเป็นจิตเข้าใจไหม

ตัวผู้รู้หนิ เขาเรียก ตั้งชื่อว่า ให้มันว่าใจ สมมติว่าใจ เข้าใจมั้ย มัน มัน เขาตั้งสมมติว่าใจ ตัวผู้รู้ ตัวจิตแท้ใจเดิมหนิ เขามาตั้งสมมติชื่อว่าใจ ..มีแต่ธรรมชาติรู้เฉยๆ คำว่าใจหนิคือชื่อของธรรมชาติอันนี้//


..วิญญาณแท้ วิญญาณมันมี 2 อย่าง วิญญาณเทียมวิญญาณแท้ จิตปลอมก็มี จิตแท้ก็มี จิตแท้คือต้นของจิต วิญญาณตัวนี้ไม่มีกิเลสไปอิงแอบอาศัย เค้าเรียกว่าจิตเดิมแท้ของเรา ผ่องใส สว่างอยู่ เค้าเรียกจิตแท้ใจเดิม เข้าใจมั้ยทีหนิ นี่แหละต้นของจิต เรียกว่าพุทโธ เรียกว่าวิญญาณ เรียกว่าจิตแท้ใจเดิม

มันจะรู้ๆอยู่เฉยๆ นี่เราไปเห็นในสมาธิแล้ว ว่ามันรู้ๆอยู่เฉยๆแล้ว ไม่ใช่ไปเอาในหนังสือมาพูด เข้าสมาธิจิตว่างลงเหลือตั้งแต่ความรู้ๆ อดีตไม่มี อนาคตไม่มี ก็รู้อยู่เฉยๆ อุเบกขาเอกัคคตารมณ์ คือต้นของจิต ต้นของจิตมันจะยืนโรง อยู่อย่างนี้ ตายไม่เป็นตัวผู้รู้หนิ

อารมณ์ไหลเข้ามาทางหูทางตา มันมากระทบจิต จิตกระเพื่อมออกรับอารมณ์ เรียกว่านาม4เกิด เข้าใจมั้ยทีหนิ นามหนิมีแต่ชื่อนะหนิ ใจหนิ ใจหนิ ใจจริงๆมีไหม ใจจริงๆมีมั้ยหนิ หือ มันไม่มี ใจหนิเป็นชื่อของธรรมชาตินี้ จิตเป็นธรรมชาติอยู่นี้

ต่อมาเค้าตั้งชื่อว่าใจ ใจก็เป็นชื่อของธรรมชาติอันนี่ ใจหนิคือชื่อของธรรม เค้าเรียกว่านามธรรม เข้าใจมั้ย ฟังออกไหมล่ะทีหนิ ตัวธรรมชาติที่เห็นอยู่หนิ ต้นของจิตหนิ ต่อมาเขาตั้งสมมติชื่อว่าใจ เพราะว่ามัน มัน อุเบกขา มันเป็นกลางอยู่

เหม็น ใจก็รู้ ดีใจมันก็รู้ สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ หอมมันก็รู้ มันเป็นกลางอยู่ อุเบกขาอยู่ ไม่ยินดีไม่ยินร้ายเค้าเรียกว่าเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางหนิเขาตั้งชื่อ สมมติให้ตัวธรรมชาตินี้ ตั้งชื่อว่า สมมติว่าใจ เข้าใจไหม

ใจจริงๆมีไหมทีหนิเอ๊า นี่แหละใจสักแต่ว่าใจ เข้าใจมั้ย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา เป็นสมมติทัย เป็นชื่อของใจ เป็นชื่อของธรรมชาตินี่เฉยๆ เข้าใจมั้ยล่ะทางนั่น หือ ใจจริงๆมีไหมล่ะ ไม่ใช่ไปท่องเอานะหนิ พวกหนิ

ใจสักแต่ว่าใจ ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา  คนนี้มันบังอยู่หนิ โชคดีมาถาม มันจะได้รู้ ทีนี้ใจจริงๆมีไหม

พระพุทธองค์บอกตอนหนึ่งนะ จงวางใจเสีย อย่าเอื้อเฟื้ออาลัยในใจตน ถ้าวางใจมันจะไม่ตายหรือโยมตุ๊ก หา วางได้ยังงัยทีหนิ จะวางได้ไหมทีหนิหือ

วางได้ไหม วางรู้ว่ามัน ไม่ใช่เรา ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา เป็นสมมติ ตั้งชื่อมาเรียกธรรมชาติอันนี้ว่าใจเฉยๆ เข้าใจมั้ยทีหนิหือ พูดย้ำมันอยู่นี่ล่ะ จนหูมันแตกอยู่น่ะพวกหนิ หือ เข้าใจมั้ยล่ะยุ้ย หือ

ใจใช่เรามั้ยทีหนิ เก่งแล้วทีหนิ ใจเราหนิ คิดว่าอย่างงั้นหนิ ใช่มั้ยล่ะ มันก็ใจเป็นเราอยู่ที่ไหน ใจเป็นชื่อของนามธรรม เป็นชื่อของธรรม นามแปลว่าชื่อ ชื่อของธรรมชาติอันนี้ เขามาตั้งชื่อว่าใจ ฟังออกไหมทีหนิ หือ แหม ทีหนิหายเลยติทีหนิ

รูปก็คือธาตุ4 นามก็คือนาม4 นาม4 หนิเป็นกิริยาอาการของใจ ธาตุ4 เป็น เป็นอะไรของกาย หือ ธาตุ4 เป็นอะไร ดินน้ำลมไฟหนิ เป็นกาย นาม4 หนิเป็นกิริยาอาการของใจ กิริยาอาการของจิต ตัวผู้รู้ จึงเป็นจิตเข้าใจไหม

ตัวผู้รู้หนิ เขาเรียก ตั้งชื่อว่า ให้มันว่าใจ สมมติว่าใจ เข้าใจมั้ย มัน มัน เขาตั้งสมมติว่าใจ ตัวผู้รู้ ตัวจิตแท้ใจเดิมหนิ เขามาตั้งสมมติชื่อว่าใจ

เข้าใจไหมล่ะทีหนิ ใจจริงๆมีไหม มีแต่ธรรมชาติรู้เฉยๆ คำว่าใจหนิคือชื่อของธรรมชาติอันนี้ แยกออกรึยังทีนี้..


บางส่วนจาก 04. หลวงตาศิริ อินฺทสิริ พระธรรมเทศนาช่วงกลางคืน 13 พฤศจิกายน 2558
https://youtu.be/9fegdlbFY28?t=2h02m44s (2:02:44 - 2:08:30)