หลวงตามหาบัว : ..ส่วนสมมุติเอาแน่เอานอนไม่ได้ วิมุตตินี้หมดปัญหาทันทีเลย นี่เรียกว่าขันธ์ ขันธ์นี้จะเปลี่ยนแปลงของมันไปเรื่อย เราจะสังเกตได้ตลอดเวลา สมมุติมีขันธ์เป็นสำคัญมันเปลี่ยนแปลงไปอะไรก็ค่อยรู้ๆ ขันธ์น่ะเปลี่ยนแปลง เช่นอย่างหลับก็ไม่รู้ตื่นก็ไม่รู้ คือขันธ์
ใครจะไม่รู้เวลาหลับตื่น นี้มันไม่รู้จะให้ว่าไง ถ้าว่าตื่นมันก็ตื่นอยู่แล้ว แน่ะ ถ้าว่าหลับก็ไม่ทราบว่าหลับเมื่อไร ก็จะทราบเอาตอนที่มันฝัน โอ๋ หลับตอนนั้นๆ คือถือเอาความฝันนั่นแหละเป็นเวลาหลับ มันเปลี่ยนอย่างนั้นแหละ
นี้ยังมีผู้ที่แต่งหนังสือมา เราได้อ่าน นี่ละการแต่งหนังสือเอาทิฐิความรู้ความเห็นของตนแทรกเข้าในธรรม เลยกลายเป็นธรรมมัวหมองไปด้วย ไม่บริสุทธิ์ แต่ก่อนเราก็ไม่ได้คิดเท่าไรนัก หากอ่านไปเจอเข้ามันหากจำของมันได้เอง สิ่งใดที่ควรจะจำมันก็จำของมันเอง
อ่านไปถึงบทที่ว่าพระอรหันต์นอนหลับแล้วไม่ฝัน ว่างั้นนะ ถ้ายังฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์ เขียนไว้ในหนังสือเราอ่านไปเจอ เราก็ยังไม่ได้ปักใจอะไรมากนัก ว่าพระอรหันต์นอนหลับไม่ฝัน ถ้าฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์
ยังอวดเก่งเข้าไปอีก ถ้ายังฝันอยู่ไม่ใช่พระอรหันต์ นี้อวดเก่งในความจอมปลอมของตัวเอง มันก็รู้ได้ชัดเจน นี้ตัวจอมปลอม นอนหลับแล้วไม่ฝัน พระอรหันต์นอนหลับไม่ฝัน ถ้าฝันไม่ใช่พระอรหันต์ ดูซิน่ะมันทับเข้าไปอีก จึงกระเทือนใจเรามาก เราอยากจับมือมาถามต่อหน้ากัน..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน - ถ้าฝันไม่ใช่อรหันต์ ?
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=9443
17.9.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment