ผู้รู้ก็ไม่มี ผู้รู้ก็เป็นวิญญาณเฉยๆ วิญญาณก็เป็นผู้รู้ เป็นความรู้เฉยๆ เป็นความรู้เฉยๆ เป็นธาตุรู้เฉยๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ ยังงัย มันไม่มีเจ้าของนะ ที่พูดไปเมื่อกี๊มันก็ ธาตุ 6 นั่นน่ะ วิญญาณมาอาศัยอยู่ในนี่ ตา หู จมูก อยู่ในนี้ด้วยใช่มั้ยล่ะ เวลามันกระทบเข้ามา ตัวนี้ทำหน้าที่ มนินทรีย์ เป็นใหญ่ในการรู้ให้เฉยๆ ไม่มีเจ้าของ

..ผู้รู้ก็ไม่มี ผู้รู้ก็เป็นวิญญาณเฉยๆ วิญญาณก็เป็นผู้รู้ เป็นความรู้เฉยๆ เป็นความรู้เฉยๆ เป็นธาตุรู้เฉยๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ ยังงัย มันไม่มีเจ้าของนะ ที่พูดไปเมื่อกี๊มันก็ ธาตุ 6 นั่นน่ะ วิญญาณมาอาศัยอยู่ในนี่ ตา หู จมูก อยู่ในนี้ด้วยใช่มั้ยล่ะ

เวลามันกระทบเข้ามา ตัวนี้ทำหน้าที่ มนินทรีย์ เป็นใหญ่ในการรู้ให้เฉยๆ ไม่มีเจ้าของ น้อมออกรับอารมณ์แล้วก็รู้อารมณ์ เสวยอารมณ์ พิจารณาอารมณ์แล้วก็เข้าภวังค์ใหม่พัก เรียกว่าภวังคุบาท เข้าไปพัก อารมณ์ใหม่ไหลเข้ามาทางทวารอื่นอีก จิตก็น้อมออกไปรับอารมณ์อีก ก็เรียกว่าภวะ เรียกว่าวิถีจิต แล้วก็จิตทำงาน เวทนา สัญญา สังขารเกิด แล้ว หมดงานก็เข้าภวังค์อีก

ขันธ์ 5 มันจะเกิดแล้วก็ดับอยู่อย่างนี้ตลอดวัน เกิดแล้ว เกิดเล่า ภพแล้วภพเล่า ภพหนึ่งก็ตาเห็นรูป ภพสองก็หูได้ยินเสียง ภพที่สาม ที่สี่ไปเรื่อยๆ มันจะเกิดเป็นภพอยู่อย่างนี้ นี่แหละเค้าเรียกว่าขันธ์ 5 เกิด ภพแล้วภพเล่า ภพเก่าภพใหม่

ภพนี่เกิดก็ดับ เข้าใจภพนะทีนี้ ขันธ์ 5 มันเกิดภพหนึ่ง ตาเห็นรูป รูปภายนอกก็คือรูป ตาของเรารูปภายใน วิญญาณตาคือนาม กระทบกันเกิดผัสสะขึ้น ถ้าเราดับผัสสะได้เวทนาก็ไม่เกิด..

บางส่วนจาก 005.หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วิถีแห่งภาวนา9 ช่วงเช้า 27-11-2557
https://www.4shared.com/mp3/bRMswgUCca/005__9__27-11-2557.html
(45:35 - 48:02)