"เค้านั่งไปเห็นอันนั้น เห็นอันนี้ รู้หมด ..มันก็รู้ ไม่ใช่รู้จริงหรอก รู้สมมตินั่นล่ะ"
..ก็มาติดอยู่แค่นี้แหละ มาทีแรกก็เห็นแสงอันนั้นอันนี้ อาภาโส ออกจากนี้ก็เป็นนิมิตต่างๆขึ้น เห็นอันนั้น เห็นอันนี้ ฉากนั้นมา ฉากนี้นั้นก็ดับ ฉากนี้มาใหม่ ฉากนี้ก็ดับ อยู่ตลอดวันตลอดคืนฉายหนังน้อยดู
นอกจากอาภาโสแล้วก็มีนิมิตต่างๆเกิดขึ้น อยู่ เรียกว่าฉายหนังน้อย นั่งดูคนเดียว กลางวันกลางคืนก็ได้ อันนี้ ดูก็ได้ หลับตาก็เห็น เอาไปเอามาลืมตาก็เห็นแก่ขึ้นมานะ
จิตของเราไม่ลงไปถึงฐานใหญ่ได้ ไม่ใช่เค้าไม่ได้สมาธิ เค้าได้อุปจารสมาธิอยู่ อันนี้ ให้เข้าใจเรื่องวิปัสสนูปกิเลส เป็นกิเลสมากั้นกลาง จิต ไม่ให้จิตลงไปสู่ อัปปนาฌาน อัปปนาสมาธิ หรือสมาธิใหญ่
ทำให้เราหลงทาง นี่แหละที่ว่าหลงทางเสียเวลาเป็นชนวนสืบต่อให้เป็นวิปริต วิปลาส หลงภาวนา หลงว่าเป็นภาวนา ที่จริงมันเป็นภาวนู วิปัสสนู ไม่ใช่วิปัสสนา คนก็ไปหลงอยู่ตรงนี้แหละ ติดอยู่ตรงนี้ล่ะ..
..เค้านั่งไปเห็นอันนั้น เห็นอันนี้ รู้หมด เรานั่งไม่เห็นอะไร ความรู้หนิแตะเค้าไม่ได้ดอก อัจฉริยบุคคลเลย รู้ยิ่งเกินพอดีนะ มันก็รู้ ไม่ใช่รู้จริงดอก รู้สมมตินั่นล่ะ..
..นี่จึงมาถึงฐานใหญ่ ถ้ามัวไปชมนิมิตอยู่ โบราณบูรพาจารย์ท่านว่า ชมแต่พ่อดอกหว่า นิมิตต่างๆ มารเค้าจะเอาพวงดอกไม้แห่งมาร มาหลอกมาล่อเราออก หนีจากอัปปนาฌาน อัปนาสมาธิ เลยไม่ทำให้เราไปถึงอารมณ์พระนิพพาน ไม่ถึงฐาน สมาธิใหญ่ ไม่ให้เกิดปัญญา พวกนี้ กิเลสมาครอบงำเราหมดนะ ถ้าคนไหนไปหลงมันน่ะ..
..มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปนั่นน่ะ เราก็ทำจิตให้นิ่งว่างเป็นกลางอยู่ ไม่ยินดีไม่ยินร้าย จิตก็จะดิ่งลงไปถึงอัปปนาได้ ถึงฐานใหญ่ได้..
..ไม่ต้องไปเห็นอะไรดอก การภาวนานั่นน่ะ เห็นลมหายใจเท่านั้น เห็นพุทโธเท่านั้น อันพวกนี้มีแต่มารนั่นล่ะ พวงดอกไม้แห่งมาร มารเอาพวงดอกไม้มาหลอกให้เราไปดูเขา หลอก ไม่ยอมให้เราลง ไปถึงอัปปนาฌาน อัปปนาสมาธิ..
..เทศน์กันเอาไว้ ไม่ให้เราไปดู..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา อย่าหลงวิปัสสนูปกิเลส
( 14:02 - 15:28, 19:58 - 20:16, 32:56 - 33:41, 34:40 - 34:54, 36:19 - 36:42, 40:40 - 40:42 )
หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
0 comments:
Post a Comment