หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ..ในเมื่อขันธ์ 5 นี้ยังมีอยู่ตราบใดแล้ว ทุกข์ก็มีอยู่ตราบนั้น..,
..ทุกข์นี่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้เท่า ไม่ได้ทรงสอนให้ละ ละไม่ได้ ในเมื่อขันธ์ 5 นี้ยังมีอยู่ตราบใดแล้ว ทุกข์ก็มีอยู่ตราบนั้น มีแต่กำหนดรู้เท่าเท่านั้นแหละ ทำยังงัย เวลานี้ตนก็ยังได้อาศัยขันธ์ 5 นี้อยู่
เวลามันเกิดทุกขเวทนาขึ้นมา จะหยิบยกเอาจิตนี้ไปไว้ที่อื่น มันก็ไปไม่ได้ เพราะมันยังไม่หมดบุญน่ะ บุญยังหล่อเลี้ยงไว้อยู่ มันก็จำเป็นต้องได้รับรู้ ความเจ็บ ความปวด ความร้อน ความหนาว ต่างๆนานา อยู่อย่างนี้แหละ
แต่พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้อดทนต่อทุกขเวทนา ในเมื่อยังอาศัยขันธ์ 5 นี้อยู่ ถ้าไม่อดทนแล้ว จิตใจก็หวั่นไหว เมื่อใจหวั่นไหวแล้วใจก็เป็นทุกข์ บัดนี้ ตกลงว่า กายก็เป็นทุกข์ ใจก็เป็นทุกข์ ไปตามกันเลยทีนี่ นั่นแหละ
เมื่อใจเป็นทุกข์ดิ้นรนกระวนกระวายอย่างนี้ ก็พ้นทุกข์ไปไม่ได้ เรียกว่าติดอยู่ในห้วงแห่งกองทุกข์ ใจที่จะพ้นทุกข์ได้นั่น เมื่อทุกข์เกิดขึ้นมาแล้ว อดกลั้นทนทานได้ รู้เท่าได้ ไม่หวั่นไหว ไม่เสียใจ ไม่สะดุ้งหวาดกลัวต่อความตาย
เพราะว่าได้เห็นแจ้งความตายแล้วว่า ไม่มีคนตาย ไม่มีเราตาย ไม่มีเขาตาย มีแต่ธาตุ 4 ขันธ์ 5 มันแปรปรวนแตกดับไปเท่านั้น เมื่อมันเห็นแจ้งอย่างนี้ มันก็อดได้ทนได้ ไม่หวั่นไหว เนี่ยการที่จิตนี้จะพ้นทุกข์ได้
มันต้องอดทนต่อทุกข์ได้ ไม่เสียใจ ไม่ดีใจไปตามทุกข์ ครั่นเมื่อรู้เท่าทุกข์ได้ มันก็ละสมุทัยอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ได้ คือละความอยาก อยากให้ความเจ็บป่วยไข้นี่หาย อย่างนี้นะ มันไม่มี มันดับไป
เพราะว่ารู้ชัดตามเป็นจริงแล้ว อยากเท่าไรมันก็ไม่หาย ในเมื่อมัน มันถึงเวลามันจะวิบัติแล้ว ก็ยังว่ามันเป็นอนัตตา มันไม่อยู่ในบังคับบัญชาของผู้ใด
นี่มันเห็นแจ้งอย่างนี้ มันจึงไม่หวั่นไหวต่อทุกขเวทนาต่างๆ ก็ชื่อว่าเป็นผู้รู้จักที่ดับทุกข์ รู้จักข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - อบรมพระเณร 15 มิ.ย. 32
https://youtu.be/e5NYheSemrs?t=32m50s (32:50 - 35:41)
17.1.18
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment