21.6.17

บุคคลใดเป็นผู้ละความโกรธได้ ด้วยอำนาจแห่งปัญญาหรือด้วยเมตตาธรรม แล้วก็เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่อิจฉาพยาบาทใคร ไม่คิดเบียดเบียนใคร ไม่ผูกใจเจ็บกับใครเลย ใจเปี่ยมอยู่ด้วยเมตตากรุณา ทั้งกลางวันและกลางคืน อันนี้ก็เป็นกุศลธรรม ได้ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญกุศลธรรม ให้เกิดให้มีขึ้นในตน

BY Somchatchai IN No comments

..บุคคลใดเป็นผู้ละความโกรธได้ ด้วยอำนาจแห่งปัญญาหรือด้วยเมตตาธรรม แล้วก็เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่อิจฉาพยาบาทใคร ไม่คิดเบียดเบียนใคร ไม่ผูกใจเจ็บกับใครเลย ใจเปี่ยมอยู่ด้วยเมตตากรุณา ทั้งกลางวันและกลางคืน อันนี้ก็เป็นกุศลธรรม ได้ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญกุศลธรรม ให้เกิดให้มีขึ้นในตน

บุคคลมาเพ่งพิจารณา เห็นว่า บาปนั่นเกิดจากความคิด ที่ไม่ดี คิดเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่น ให้เป็นทุกข์เดือดร้อน อันนั้นแหละ ความคิดอย่างนั้น ท่านเรียกว่าเป็นบาป

ความคิดเผื่อแผ่มีเมตตาอารีย์ต่อ เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ไม่เป็นคนใจจืดใจจาง ทำอะไรก็เพื่อตนบ้าง เพื่อผู้อื่นบ้าง แล้วก็มองเห็นสังขารร่างกายอันนี้เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนเราเขา แล้วก็พิจารณาเห็นว่า การที่ดวงจิตนี้ หลงยึดมั่นถือมั่น ในขันธ์ 5 นี้ว่า เป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขา ไอ้เช่นนี้นั่นเรียกว่าเป็นความทุกข์

การที่มองเห็นว่าจิตใจนี้มายึด ปล่อยวางขันธ์ 5 ไม่สำคัญว่าเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขา อย่างนี้เรียกว่ามีความเห็นถูก เห็นชอบตามความเป็นจริง

จิตใจของผู้นั้นก็จะไม่มีทุกข์ เพราะใจเป็นทุกข์อยู่นี่ก็เพราะมา มาหวั่นไหวไปกับขันธ์ทั้ง 5 นี้แหละ เมื่อขันธ์ทั้ง 5 นี่วิบัติแปรปรวนไป จิตใจก็พลอยหวั่นไหวไปตามด้วย เป็นอย่างงั้น มันถึงได้เป็นทุกข์นั่นแหละ

ทีนี้ถ้าหากว่าอบรมสมาธิ อบรมปัญญาให้เกิดขึ้นแล้ว ก็มาสอนใจนี้ให้ปลงให้วางขันธ์ 5 ไม่ถือว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นแต่เพียงว่าสังขารหรือว่าสภาพที่ปรุงแต่ง อาศัยบุญบาปปรุงแต่ง ธาตุ 4 ดินน้ำไฟลมขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอันนี้ เพื่อให้จิตดวงนี้ได้อาศัยอยู่ ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเป็นตนจริงจังอะไร

เมื่อมันแตกทำลายลงมันก็ไปเป็นธาตุดินธาตุน้ำอยู่ของเก่า มันไม่มีวิเศษวิโสอะไรเลยร่างกายอันนี้ เห็นอย่างนี้ ก็จึงเรียกว่าเป็นผู้รู้ เป็นผู้ไม่หลง เป็นผู้ไม่หลงทางเดินออกจากทุกข์ เมื่อเห็นอย่างนี้นี่ เวลาขันธ์ 5 นี้ มันวิบัติลง จิตก็ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ได้ถือว่าตัวตนเจ็บป่วย หรือไม่ได้นึกว่าตัวตนกำลังจะตายอยู่ อย่างนู้นอย่างนี้

มันเห็นตรงกันข้าม เห็นว่าธาตุ 4 ขันธ์ 5 มันกำลังจะแตกจะดับอยู่ มันเห็นลงอย่างนี้ มันจึงไม่หวั่นไหวไปตามขันธ์ทั้ง 5 นั้น..


บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - หลักของพุทธศาสนา 4 ต.ค. 31
https://youtu.be/WaRBnAqs-LQ?t=5m35s
(5:35 - 9:23)

0 comments:

Post a Comment