..จิตนี้ ตามธรรมดา เมื่อบุคคลยังไม่รู้แจ้งนะ ก็ต้องถือว่าจิตเรา ใจเรา ถือว่าของเราแหละ อ้าวไปรู้ได้ยังงัยว่าถือเป็นของเรา ก็รู้ได้แหละ คนธรรมดาสามัญน่ะ เมื่อตาไปเห็นรูปสวยๆงามๆ จิตมันก็เกิดรักใคร่ขึ้นมาแล้ว นี่จะว่างัยล่ะ มันจะไม่ถือว่าเป็นตัวตนยังงัย
เอ๊เราหนิมันชอบรูปนี้เหลือเกินนะ มันเกิดเป็นเราเป็นเขาขึ้นมาแล้ว ถ้าตาไปเห็นรูปที่น่าเกลียดน่าชัง อย่างนี้มันก็เกลียดชังโกรธขึ้นมาแล้ว ไม่พอใจ นี่แสดงว่ามันมีตัวมีตนขึ้นมาแล้ว รูปเขานั่นก็มีเขาขึ้นมาแล้ว ไอ้ตัวจิตนี้ที่ไปเกลียดรูปอันนั้นก็มีตัวขึ้นมาแล้ว ไอ้เราน่ะมันเกลียดเหลือเกินคนผู้นี่
อันนี้ล่ะต้องเพ่งดูให้มันเห็น เหตุนี้พระศาสดาจึงสอนให้เอาสติหยั่งลงไปหาจิต เพ่งดูจิตนี้ให้มันเห็นตามสภาพความเป็นจริง ให้เห็นว่าจิตนี้ก็สักว่าแต่จิต ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ไม่ใช่มีตัวมีตนอะไร เป็นแต่ธาตุรู้ เท่านั้นเอง ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสีสันวรรณะอะไรเลย
แต่ว่ามันมีอิทธิพลนะ สามารถบังคับกายนี้ให้เคลื่อนไหวไปมาได้เลย อย่างนี้แหละ สามารถใช้กายวาจาทำดีทำชั่วได้ทั้งนั้นเลย
ดังนั้นล่ะ เราจะไปละเลย ก็ไม่ได้เลย ก็หมายความว่าตัวเองนั่นแหละไปละเลยตัวเอง ไม่ใส่ใจกับตัวของตัวเอง บัดนี้ก็ไปสร้างกิเลสขึ้นมาเผาตัวเอง..
บางส่วนจากพระธรรมเทศนาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - ธาตุสี่ 20 ส.ค. 30
https://youtu.be/M7_iRP2Oc9s?t=8m32s
(8:32 - 10:37)
3.6.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment