"หลวงตาสอน ฝึกสังเกต ขันธ์ 5 เกิดกับดับพร้อมกัน"
..พอผัสสะเกิด ถ้าเราสำคัญตนว่า เรามีเราเป็นเราเห็นเราได้ยิน เวทนาเกิด สัญญา สังขารเกิด นาม4 เกิด พอวิญญาณกระทบปั๊บ เรียกว่าจิตน้อมอารมณ์ไม่มีตัวไม่มีตนนะ เป็นกิริยาอาการของจิตออกรับอารมณ์เฉยๆ ท่านเรียกว่านาม พอวิญญาณรู้ขึ้น นาม 3 อย่าง เวทนา สัญญา สังขาร ก็เกิดพร้อมกัน
เรียกว่าขันธ์ 5 เกิดกับดับพร้อมกันเลย เราสังเกตยากจริงๆนะนี่ ต้องฝึกสังเกต เกิดแล้วก็ดับ ไม่มีตัวตนสัตว์บุคคล เรามาหลงว่า มีเรามีเขามีคนอยู่ในนี้ จึงไปเกิดรักเกิดชังเกิดโลภเกิดโกรธขึ้นมาเข้าใจมั้ย ตรงนี้แหละ ตรงนี้แหละสำคัญ ถ้าดับผัสสะได้ ก็หมดเรื่องเท่านั้น.. ,
..ถ้าเราดับ ผัสสะว่า ไม่สำคัญตน ไม่หลงว่าเรามี เราไม่มี สักแต่ว่ารูปกับนาม อิงอาศัยกันเกิด ตาก็คือรูปภายในใช่มั้ยล่ะ นามก็วิญญาณอิงอาศัยกันเกิด เฉยๆ ไม่มีตัวตนสัตว์บุคคลอะไร เราก็ดับผัสสะลง ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.. //
..ผัสสะหมายถึงของ 3 อย่างกระทบกัน อายตนะภายนอกคือรูปเสียงกลิ่นรส ใช่ไหม อายตนะภายในคือตาหูจมูกลิ้นกายใจ อย่างใดอย่างหนึ่ง กระทบกัน วิญญาณเกิดขึ้น วิญญาณเกิดขึ้นนี่ล่ะ เค้าเรียกว่าสัมผัส เรียกว่าผัสสะ เราต้องทำความรู้จักวิญญาณตัวนี้ด้วย
วิญญาณนี้เป็นวิญญาณตา วิญญาณหู หรือเป็นวิญญาณขันธ์ วิญญาณตัวนี้เรียกชื่อว่าจิตก็ได้ เรียกว่าใจก็ได้ ต้องเข้าใจกว้างขวางกว่านั้น พอ รูปภายนอกภายในกระทบกัน วิญญาณรู้ขึ้น เค้าก็เรียกว่านาม
ทำไมเรียกว่านาม ฟังให้ดีนะ คนมาหลงผัสสะ นามะ แปลว่านาม มีแต่ชื่อ ไม่มีตัวไม่มีตนนะ นาม นาม4 จะเกิด พอวิญญาณเกิดขึ้นหนิ นาม3 เวทนา สัญญา สังขาร ก็ตามมาทันที
ต้องอันนี้รู้ก่อน เข้าใจไหม อันนี้เกิดขึ้นเรียกว่าผัสสะ ที่ว่าผัสสะหนิ คือจิตน้อมออกรับอารมณ์ นามะแปลว่าน้อม นะ จิตของเราใจของเราน้อมออกรับอารมณ์เรียกว่านามะ 3อย่างกระทบกันแล้ว เรียกว่าผัสสะแล้วตัวนี้ เรียกว่านาม นาม3 จะเกิดขึ้นมาแล้ว มันเร็วมากไวมาก
นามะ นาม แปลว่า นอบน้อม นามะแปลว่านอบน้อม นะมะแปลว่านอบน้อม นะโมแปลว่าอะไร แปลว่านอบน้อม นะโมก็ว่า นะมะก็ว่า นามะก็อันเดียวกัน พอวิญญาณขันธ์หรือวิญญาณตาวิญญาณหูออกรับอารมณ์ก็เรียกว่า ผัสสะ เข้าใจมั้ย ผัสสะตรงนี้แหละเราจะหลง สำคัญตนว่าเราเห็น ทันทีเลย
นี่ล่ะคนมาสำคัญตนหลงว่ามีเราอยู่ตรงนี้แหละ ตรงผัสสะนี่แหละ ผัสสะเกิด ผัสสะมืด ผัสสะบอด เราจึงไปอุปาทานเอาขันธ์ 5 วิญญาณหนิเรียกว่านาม วิญญาณรู้ขึ้นเรียกว่านาม นามหนิไม่มีตัวมีตนจิตน้อมออกรับอารมณ์ จิตน้อมออกรับอารมณ์แล้วเรียกว่าผัสสะขึ้นมา
พอผัสสะเกิด ถ้าเราสำคัญตนว่า เรามีเราเป็นเราเห็นเราได้ยิน เวทนาเกิด สัญญา สังขารเกิด นาม4 เกิด พอวิญญาณกระทบปั๊บ เรียกว่าจิตน้อมอารมณ์ไม่มีตัวไม่มีตนนะ เป็นกิริยาอาการของจิตออกรับอารมณ์เฉยๆ ท่านเรียกว่านาม
พอวิญญาณรู้ขึ้น นาม 3 อย่าง เวทนา สัญญา สังขาร ก็เกิดพร้อมกัน เรียกว่าขันธ์ 5 เกิดกับดับพร้อมกันเลย เราสังเกตยากจริงๆนะนี่ ต้องฝึกสังเกต เกิดแล้วก็ดับ ไม่มีตัวตนสัตว์บุคคล เรามาหลงว่า มีเรามีเขามีคนอยู่ในนี้ จึงไปเกิดรักเกิดชังเกิดโลภเกิดโกรธขึ้นมาเข้าใจมั้ย ตรงนี้แหละ ตรงนี้แหละสำคัญ ถ้าดับผัสสะได้ ก็หมดเรื่องเท่านั้น
เราก็รู้ว่าผัสสะมันกระทบกันเฉยๆ รู้ว่า วิญญาณมันออกรับอารมณ์ เฉยๆ น้อม นามะแปลว่าน้อม จิตน้อมออกรับอารมณ์เฉยๆ ไม่มีตัวไม่มีตน เป็นกิริยาอาการของจิต ไม่มีตัวไม่มีตนไม่มีสัตว์มีบุคคลนะ เป็นอาการของจิตน้อมออกรับอารมณ์เฉยๆ เค้าเรียกว่านาม พูดนามะก็ได้ นะมะก็ได้ แปลว่าน้อมออกรับอารมณ์
ถ้าเราหลง สำคัญตนว่ามีสัตว์มีคนอยู่ในนี่ เราก็เกิดจิตก็เสวยอารมณ์ เสวยอารมณ์คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือไม่ทุกข์อุเบกขาเวทนาเกิด ไปต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเราดับ ผัสสะว่า ไม่สำคัญตน ไม่หลงว่าเรามี เราไม่มี สักแต่ว่ารูปกับนาม อิงอาศัยกันเกิด
ตาก็คือรูปภายในใช่มั้ยล่ะ นามก็วิญญาณอิงอาศัยกันเกิด เฉยๆ ไม่มีตัวตนสัตว์บุคคลอะไร เราก็ดับผัสสะลง ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้..
บางส่วนจาก 005.หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วิถีแห่งภาวนา9 ช่วงเช้า 27-11-2557
https://www.4shared.com/mp3/bRMswgUCca/005__9__27-11-2557.html
(38:49 - 45:26)
10.6.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment