ทางลัดทางตรง //
..ฉะนั้นคำว่า การเจริญสติปัฏฐาน นี่น่ะ พระศาสดาทรงมุ่งหวังให้พุทธบริษัทนั้น ฝึกหัดสติสัมปชัญญะนี่ ให้มันต่อเนื่อง กันไปเรื่อยๆ ให้มันติดต่อกันไปได้ ถี่ไปเท่าไรยิ่งดีนะ เป็นอย่างงั้น ไม่ใช่ว่า เวลาไปนั่งสมาธิภาวนา จึงไปเพ่งกันทีเดียว ไม่ทัน นี่ขอให้พากันเข้าใจไว้
พระพุทธเจ้าทรงแสดงสติปัฏฐานธรรมทั้ง 4 นี้ไว้นะ คล้ายๆกับว่าพระองค์บอกทางลัดทางตรงให้เลย อันนี้เป็นทางลัดไปสู่ความพ้นทุกข์ การเจริญสมถะวิปัสสนา พิจารณากรรมฐานอะไรต่ออะไร หรือเจริญกสิณ 10 ประการ หมู่นั้นน่ะ อันนั้นเปรียบเทียบได้กับว่า การเดินทางสายโค้ง มันเป็นอย่างงั้น
แต่หากว่าถ้าผู้ใดบำเพ็ญได้แล้วมันก็เกิดคุณพิเศษ หลายสิ่งหลายอย่าง อย่างเช่นมีฤทธิ์มีเดช อะไรเหล่านี้เป็นต้น แต่สำหรับผู้เจริญสติปัฏฐาน 4 นี้ อันนี้ไม่มีคุณพิเศษหรอก เพราะว่าไม่ได้สำเร็จฌานสมาบัติ
เพียงแต่ควบคุม เอาสติเข้าไปควบคุมจิต ให้ตั้งมั่นลงไปแล้วก็เพ่งดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรมารมณ์ ที่เกิดขึ้นกับจิตนี้ ดูอยู่จนให้เกิดญาณความรู้ขึ้นในใจ อย่างนี้ที่ท่านเรียกว่าสุกขวิปัสสโก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับสมถะคือเรียกว่าสมถะก็พอแต่เป็นบาทของวิปัสสนาเท่านั้น
คือพอกำหนดใจให้ตั้งมั่นลงไปพอสมควรแล้วก็เพ่งดูเลยอย่างงี้นะ แล้วเพียรพยายามบำเพ็ญอย่างนี้ไป จนได้บรรลุอรหัตอรหันต์ไปได้อย่างนี้ท่านเรียกว่าสุกขวิปัสสโก..
บางส่วนจากพระธรรมเทศนาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - ธาตุสี่ 20 ส.ค. 30
https://youtu.be/M7_iRP2Oc9s?t=16m47s
(16:47 - 19:28)
24.5.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment