..ลอกหนังออกมาถาม ลอกหนังออก สมมติลอกหนังออกมา หนังเป็นคนไหม คนเป็นหนังไหม หนังมีอยู่ในคนนี่ไหม คนมีอยู่ในหนังนี่ไหม คนคือใคร นี่ เนี่ยนั่งอยู่หนิเขาเรียกว่าคน หนังไม่เป็นคนหรือ หนังก็เป็นชิ้นส่วนอวัยวะอันหนึ่งเท่านั้น มาแยกออกแล้วไม่ใช่คน แต่เวลามารวมกัน เขาสมมติว่าคน คนจริงๆมีไหม มีโดยสมมติ คนจริงๆไม่มี คนมีโดยสมมติ
เราจริงๆมีไหม หือ ข้างหลังเข้าใจไหมล่ะ เอาให้ได้นะอันนี้ เนี่ยธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่สอนอยู่ที่อื่น สอนกายกับใจหนิ ลอกกายออกมาดูหนิ ไม่ใช่ไปปฏิบัติธรรม ปฏิบัติไหน สำเหนียกพิจารณา โยนิโส ใคร่ครวญดู โดยแยบคาย ศึกษาดู ศึกษาแปลว่าปฏิบัติ
สมมติว่าถอดเล็บ ถอดขน ฟันออกมา ถามดูหนิเรียกว่าศึกษา เข้าใจมั้ย แปลว่าพิจารณา แปลว่าสำเหนียก ใคร่ครวญพิจารณาดู ให้ จนเกิด ยถาภูตญาณทัสสนะ ง่ายมั้ยล่ะทีหนิ ถามแล้วถามอีก วันแล้ววันเล่า ช้าเป็นกาล ช้าเป็นกาล จำให้ได้นะอันหนิ นานเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ถามคืนเดียว จะเข้าใจเลย
เอาผมมาถามอีก เอาเล็บเอาหนังมาถามอีก เอาฟันมาถามอีก เอากระดูกมาถามดู กระดูกเป็นเราไหม เราเป็นกระดูกไหม กระดูกมีอยู่ในเราไหม เรามีอยู่ในกระดูกไหม
ถามอยู่อย่างหนิ อย่าขี้เกียจถามนะ คนไหนขี้เกียจถาม ก็ไม่เห็นตามความเป็นจริงเท่านั้น ถามแล้วใครเป็นคนตอบ ใครเป็นคนตอบ ก็จิตถาม จิตตอบ ท่านเรียกว่าหนามยอก เอาหนามบ่ง บ่งหนามออก หนามยอกเอาหนามบ่ง จิตหลง เอาจิตแก้ จิตสอนจิตอยู่หนิ..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนาหลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต ..แสดงธรรม ณ บ้านคุณพรทิพย์ ๒๔ พ.ค. ๕๙
https://youtu.be/JyyeOOk65VA?t=36m18s
(36:18 - 39:01)
21.4.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment