..โลกคือขันธ์ 5 นี่ล่ะ คือโลกใบน้อยๆนี่ล่ะหนิ เราหลงว่ามีสัตว์บุคคลตัวตนอยู่ในนี่ เมื่อมันเกิดมันดับเราก็ไปแบกเอาโลก ไปอุปาทานขันธ์ 5 ก็ว่า ไปแบกเอาขันธ์ 5 แบกเอาโลกแบกเอาอารมณ์ นี่แหละโลกน่ะ
คำว่าโลกโลกหนิ เหตุเพียงเท่าใด ท่านจึงบัญญัติเรียกว่าโลกโลก เข้าใจนะ โอกาสโลก ดินน้ำลมไฟอากาศ เรียกว่าโอกาสโลก วิญญาณเรียกว่าสัตว์โลก สัตว์โลกลงมาอาศัยอยู่ในโอกาสโลก เขาจึงบัญญัติชื่อว่าโลกโลกหนิ โลกหนิ
โลกกับขันธ์ 5 ก็อันเดียวกันนั่นล่ะ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุก็เรียกว่ารูป วิญญาณก็เรียกว่านาม รูปกับนามก็คือขันธ์ 5 อันเดียวกันนั่นแหละ แต่สมมติบัญญัติตามสำนวนของพระสูตร สูตโวหาร โวหารของพระสูตร สมมติออกไป ต่างๆกันเฉยๆ
ให้คนเข้าใจ อธิบายให้เข้าใจบางทีอาจจะดับโลกได้ สมมติทั้งหลายนี่แหละท่านเรียกว่าโลก รู้จักโลกไหมล่ะ โลกแห่งสมมติ ก็มาสมมติทับดินน้ำลมไฟลงไปว่า สัตว์ว่าคนว่าตัวว่าตนว่าเราว่าเขา มาสมมติทับว่าขันธ์ 5 รูปหนึ่งนาม 4 มาสมมติ ทับลงไปนี่ว่าตาหูจมูกลิ้นกายใจ นี่แหละโลกแห่งสมมติ
สมมติทั้งหลายนี่ล่ะท่านเรียกว่าโลก โลก ต้องรู้จักโลกนะ คนไปแบกเอาสมมติ แบกเอาโลก แบกเอาอารมณ์ แบกเอาขันธ์ 5 มันเป็นทุกข์ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ 5 นั่นแหละคือทุกข์..
บางส่วนจาก ๐๓. สุญญตา - พระธรรมเทศนาหลวงตาศิริ อินฺทสิริ
https://youtu.be/Q-_9eLOuY84?t=26m20s
(26:20 - 28:26)
19.4.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment