ความเห็นว่าก้อนสกลกายนี้ เป็นตน เป็นเรา เป็นเขา เป็นสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา นี่แหละเรียกสักกาโย เข้าใจสักกาโย บ่อ ความเห็นว่ากายนี่แหละเป็นตน เป็นเราเป็นเขา โดยอัตตสัญญา อัตตสัญญา อัตตาหนิ อัตตาตัวตนหนิ สัญญา ความจำได้หมายรู้

..ความเห็นว่าก้อนสกลกายนี้ เป็นตน เป็นเรา เป็นเขา เป็นสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา นี่แหละเรียกสักกาโย เข้าใจสักกาโย บ่อ ความเห็นว่ากายนี่แหละเป็นตน เป็นเราเป็นเขา โดยอัตตสัญญา อัตตสัญญา อัตตาหนิ อัตตาตัวตนหนิ สัญญา ความจำได้หมายรู้

สัญญาเอามาจากไหน มาจากสมมติบัญญัติ ที่โลกเค้าตั้งชื่อสมมติขึ้นมาเรียกก้อนสกลกายนี้แหละว่า อัตตาตัวตน อัตตสัญญาหนิ มาเรียกว่าตน มาเรียก มาสมมติว่าตนหนิ สัญญาก็คือสมมตินี่ล่ะหนิ

สัญญา อัตตะ ก็คือตน สัญญาว่าจำ สัญญาว่าตน ว่าเรา ว่าเขานี่ล่ะ เขามาตั้งสัญญา ตั้งชื่อ ตั้งสัญญา ตั้งชื่อสมมติบัญญัติ ขึ้นมาเรียกก้อนสกลกายนี้ เรียกว่า สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา จึงเรียกว่าอัตตสัญญา สัญญาแห่งความจำได้หมายรู้ ที่โลกเค้าสมมติบัญญัติขึ้นมาว่าเป็น อัตตาตัวตนเราเขาหนิ เรียกว่าอัตตสัญญา

เราจึงมาหลงนี่ล่ะ หลงว่าก้อนสกลกายหนิเป็น อัตตาตัวตนจริงๆ เป็นสัตว์เป็นคนเป็นเราเป็นเขา ตามโลกเขาสมมติบัญญัติขึ้นมา เป็นสัญญาในอดีตที่เขาตั้ง สมมติบัญญัติขึ้นมาเรียกใช้กัน เราก็เลยไปจำเอานั่นล่ะ

จำเอาไว้ หมายเอาไว้ จำได้หมายรู้หนิ เลยว่าเจ้าของเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาจริงๆ นี่ล่ะ..

บางส่วนจาก มรรค๔ ผล๔ นิพพาน๑ - พระธรรมเทศนาหลวงตาศิริ อินฺทสิริ
https://youtu.be/mdbTn2UU-_s?t=19m37s
(19:37 - 21:42)