19.3.17

ผู้ที่ได้เพียงขั้นสมาธิ อุปจารสมาธิ อย่างนี้นี่ก็เจริญปัญญาวิปัสสนาไป มันก็เห็นแจ้งในร่างกายสังขารนี่ ได้เหมือนกัน แต่ว่าไม่ละเอียด เท่านั้นเอง แต่ถึงไม่ละเอียด ถ้าหากว่า พิจารณาเห็นแจ้งอย่างนั้นแล้ว เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายขึ้นมา อย่างนี้นะ มันก็ได้ผลแหละ

BY Somchatchai IN No comments

..ผู้ที่ได้เพียงขั้นสมาธิ อุปจารสมาธิ อย่างนี้นี่ก็เจริญปัญญาวิปัสสนาไป มันก็เห็นแจ้งในร่างกายสังขารนี่ ได้เหมือนกัน แต่ว่าไม่ละเอียด เท่านั้นเอง แต่ถึงไม่ละเอียด ถ้าหากว่า พิจารณาเห็นแจ้งอย่างนั้นแล้ว เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายขึ้นมา อย่างนี้นะ มันก็ได้ผลแหละ

เมื่อมันเกิดนิพพิทาเบื่อหน่ายขึ้นมา มันก็คลายความรักความชัง ในรูปในนามนี้ออกจากใจได้ เพราะว่าเมื่อมองเห็นรูปเห็นนามอันนี้มันไม่อยู่ในบังคับบัญชา มันเป็นแต่เพียงสภาวะธาตุเฉยๆ อย่างนี้แล้วก็จึงไม่ควรจะไปหลงรัก หลงชังมัน

จะไปรักไปชังมัน มันก็อยู่แค่นั้นแหละ มันก็ไม่ได้ดีขึ้น และมันก็ไม่ได้เลวลง แต่ที่ ที่มันเลวล่ะก็คือจิตดวงนี้เองนะ ไปหลงรักหลงชังในของไม่เที่ยง ของไม่ใช่ตัวตนอะไร อย่างงี้ ก็ปัญญามันก็สอดส่องมองเห็นอย่างงี้ได้ เช่นนี้ล่ะ มันจึงไม่หลงรักหลงชัง

และก็ค่อยคลายความยึดความถือออกไป โดยลำดับ ละอัตตานุทิฎฐิ ความเห็นว่ามีตัวมีตนอยู่ในขันธ์ 5 อันนี้ ออกไปเสีย  แล้วความเห็นว่าขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนเราเขามันก็เกิดขึ้นมาแทน นั่นแหละ

มันเกิดขึ้นแล้วมันก็รักษาความรู้ความเห็นอันนั้นไว้ อย่าให้เสื่อม ไม่ใช่ว่าพอเห็นขึ้นมาอย่างนั้นแล้วก็ละเลยเสีย มันก็ลืมเลือนไปอีกแหละ เมื่อไม่เอาใจใส่ ก็ต้องเอาใจใส่ต้องหมั่นเพ่งหมั่นพิจารณา หมั่นกำหนดรู้ภายในใจอยู่เสมอ

ว่าใจของตนเห็นไตรลักษณญาณอยู่อย่างนี้ เสมอไปหรือไม่ อย่างนี้นะ ต้องกำหนดรู้ กำหนดเห็นอยู่อย่างงั้น เมื่อรักษาความรู้ความเห็นอันนี้ไป ไม่ให้มันเสื่อม ญาณความรู้อันนี้มันก็แก่กล้าขึ้นไป โดยลำดับ ก็สามารถบรรลุมรรคผลธรรมวิเศษได้..


บางส่วนจาก  พิจารณารูปธรรม นามธรรม พระธรรมเทศนาหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ 20 เม.ย. 32
https://youtu.be/vKMKPT3ZIDI?t=33m34s
(33:34 - 36:30)

0 comments:

Post a Comment