10.1.17

..ปัจจุบันธรรม เกิดกับดับพร้อมกัน เหมือนสายฟ้าแลบล่ะแฟรบ เกิดดับมันติดกันอยู่..

BY Somchatchai IN No comments


..ปัจจุบันธรรม เกิดกับดับพร้อมกัน เหมือนสายฟ้าแลบล่ะแฟรบ เกิดดับมันติดกันอยู่..

..เกิดกับดับพร้อมกัน เหมือนสายฟ้าแลบล่ะแฟรบ ตาเห็นรูปก็แฟลบอีก ขันธ์ 5 เกิดอีก หูได้ยินเสียงก็แฟรบอีก เกิดดับมันติดกันอยู่

จึงให้เราท่านทั้งหลายสังเกตเกิดดับ ให้เห็น จึงจะเห็นทุกข์ นั่นน่ะมองทุกข์ให้เห็นจึงจะเป็นสุข ถ้าไม่รู้จักทุกข์ มันก็ดับทุกข์ละทุกข์วางทุกข์ไม่ได้ มันก็ไม่เห็นสุข

พระพุทธองค์จึงตรัส มองทุกข์ให้เห็นจึงจะเป็นสุข มองยังงัย ก็พิจารณาดูนั่นแหละ ปัจจุบันธรรมนี่แหละ ธรรมที่อิงอาศัยกันเกิด นามกับรูปอาศัยกันเกิด เกิดขึ้นแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ เป็นสัจจะ

ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครห้ามได้ ไม่ให้ตาเห็นรูป ไม่ให้หูได้ยินเสียง เห็นแล้วมันก็ดับ ไม่มีใครห้ามไม่ให้ดับได้ จึงเรียกว่าสัจจะ คือความจริง สัจจะตัวนี้ จึงเอาอริยะมาใส่ อริยสัจจริง อริยสัจจะ ความจริงอันประเสริฐ..

..นี่มันเกิดมันดับนี่แหละคือทุกข์ นี่แหละขันธ์ 5 เกิดเอง ดับเองมันเกิดมันดับ นี่ล่ะเรียกว่าทุกขสัจ ทุกข์อริยสัจจริง นี่แหละที่เราไปท่องเอา ทุกข์คืออริยสัจจริง

ทำไมว่าทุกข์ มันเกิดมันดับ มันเกิดมันตายนี่แหละ ไม่เที่ยงนี่แหละจึงว่ามันเป็นทุกข์นี่แหละ

ใครเกิดใครตาย ขันธ์ 5 ก็คือเรา เราเกิดเราตาย อยู่นี่ล่ะ ถ้าถือว่าขันธ์ 5 เป็นเรา เราก็อุปาทานเอาขันธ์ 5 ภพชาติก็มีเท่านั้น ถ้ารู้ว่าขันธ์ 5 ไม่มีเราเขาสัตว์บุคคลอยู่นี่ เราก็ละอุปาทานขันธ์ 5 ก็ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

ที่สุดแห่งทุกข์คือการไม่ยึดไม่ถือนั่นน่ะ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ 5 แหละคือทุกข์นั่นน่ะ จะทำที่สุดแห่งทุกข์ก็รู้เท่าเอาทันขันธ์ 5 มันเกิดดับ เป็นปัจจุบันอย่างนี้..

..นี่แหละทุกข์ เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ ให้กำหนดรู้อย่างนี้ ให้กำหนดรู้อยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ยืนเดินนั่งนอนอยู่อย่างงี้ กำหนดรู้ เพื่อให้ ไม่ให้อุปาทานเอาขันธ์ 5 ไม่ให้เกิดสมุทัย ไม่ให้เกิดตัณหา ไม่ให้เกิดกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาขึ้น..

..ถ้ากำหนดรู้ อันนี้แล้ว รู้จักทุกข์ ว่ามันทุกข์มันเกิดเองดับเองอย่างนี้ เพื่อไม่ให้เกิดไปยึดไปถือเอาทุกข์ ไม่ให้แบกเอาโลก แบกเอาอารมณ์ แบกเอาขันธ์ 5 ก็ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้..


บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา ปัจจุบันธรรม
หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต

0 comments:

Post a Comment