..ความคิดปรุงคือสังขาร นี่เครื่องมือของใจ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นเครื่องมือของใจ สังขารความคิดความปรุงนี้ก็เป็นเครื่องมือของใจ เวลามันคิดมันปรุงเรื่องอะไร ใจที่ยังไม่รู้ก็วิ่งตามๆ ความคิด หลงสังขารความคิดเจ้าของนั้นละมากที่สุด
สัญญา ความจำได้หมายรู้ สัญญากับสังขารตัวสำคัญมาก หลอกเจ้าของเก่งมากทีเดียว อยู่เฉยๆ ไม่มองเห็นอะไรมันก็หลอกอยู่ภายใน ตื่นอยู่ภายใน หลงอยู่ภายใน นี่เรียกว่าเครื่องมือใช้ ทีนี้เครื่องมือใช้เมื่อใจเป็นอันธพาล เครื่องมือก็กลายเป็นอันธพาลไปด้วยกัน เป็นภัยไปหมดเครื่องมือ ทำลายไปได้หมด ถ้าใจเป็นบัณฑิตเป็นผู้รอบคอบเสียอย่างเดียว เครื่องมือก็เป็นเครื่องใช้ธรรมดา เป็นประโยชน์ไปหมด อันนั้นควรแก่สิ่งนั้นๆ จับมาใช้ๆ เป็นประโยชน์ไปหมด ถ้าตัวเจ้าของเป็นอันธพาลเสีย เครื่องไม้เครื่องมือเหล่านั้นเป็นอันธพาลไปตามๆ กันหมด นี่ละเรื่องขันธ์ของเราที่เอาไปทำลายกัน ก็คือขันธ์ของอันธพาล
กับขันธ์ของจอมปราชญ์ต่างกันนะ ขันธ์ของจอมปราชญ์ท่านจะพาก้าวเดินในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ที่ไม่ถูกท่านไม่พาไป ท่านไม่นำเครื่องมือนี้ไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูก ท่านจะนำไปใช้แต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องมีธรรมเป็นเครื่องสอดส่อง มองดูเหตุดูผลต้นปลายผิดถูกชั่วดีก่อนที่จะทำอะไร ถ้าทำด้วยความคิดความปรุงเฉยๆ นี้เลอะทั้งนั้นแหละ ไม่ดีเลย นี่เรียกว่าเครื่องมือของใจ ถ้าใจเป็นนักปราชญ์ เครื่องมือก็เรียบร้อย เป็นประโยชน์หมด ถ้าใจเป็นอันธพาลมืดบอด เครื่องมือทั้งหลายก็กลายเป็นภัยรอบตัว จับอะไรมาทำลายได้หมด..
บางส่วนจาก เสวยนิพพานทั้งๆ ที่มีกิเลส
พระธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3276&CatID=2
5.1.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment