..จิตนี้ก็ไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร เป็นแต่ธาตุรู้เท่านั้นเองนะ..
..เมื่อมีความเห็นผิด จากความเป็นจริงไปอย่างนั้น กิเลสมันก็ไม่เบาบางเลย กิเลสมันยิ่งนับวันแต่มันจะหนาขึ้นไปเรื่อยๆ ให้พากันสำนึกให้ได้..
(9:55) โกรธเพราะรู้สึกว่าคนนั้นด่าเรา คนนี้คิดเบียดเบียนเรา คนนั้นข่มเหงเรา นี่มูลเหตุที่มันจะโกรธ มันสำคัญอย่างนั้น ถ้าอยู่ดีๆเนี่ย มันโกรธขึ้นมาเอง มันก็คนบ้าสิแบบนั้นน่ะ มันมีเหตุ เมื่อเราค้นหาเหตุพบอย่างนั้นแล้ว ก็ทวนกระแสเข้ามาดูร่างกายอันนี้น่ะ
ว่าร่างกายอันนี้ เป็นของเราจริงเหรอ ไอ้ผู้ที่เขาด่านั่นน่ะ ปากเขาก็ดี ร่างกายเขาก็ดี เป็นของเขาจริงเหรอ โดยความจริงแล้วนะ มันไม่ใช่ มันเป็นแต่เพียงธาตุสี่ดินน้ำไฟลมประชุมกันอยู่ แล้วมันก็มีจิตวิญญาณนี้มาอาศัย จิตนี้ก็ไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร เป็นแต่ธาตุรู้เท่านั้นเองนะ ร่างกายอันนี้ก็ประกอบไปด้วยธาตุดินธาตุน้ำธาตุไฟธาตุลมเท่านั้น เมื่อเราแยกแยะดูด้วยปัญญาแล้วก็ จะเห็นว่า ไอ้ตัวตนเราเขา มันไม่มีอยู่ในนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะไปสำคัญผิดทำไม ว่าเขาด่าเรา เขาข่มเหงเรา เบียดเบียนเรา อย่างนี้นะ
ถ้าไปสำคัญอยู่อย่างนั้น ก็แสดงว่า ผู้นั้นไม่ได้เจริญสมถะ ไม่ได้เจริญวิปัสสนาเลย ไม่ได้ใช้ปัญญาค้นคว้าหาความจริงของชีวิต ดังนั้นน่ะ จึงได้มีความเห็นผิด จากธรรมของจริงเรื่อยไป เมื่อมีความเห็นผิด จากความเป็นจริงไปอย่างนั้น กิเลสมันก็ไม่เบาบางเลย กิเลสมันยิ่งนับวันแต่มันจะหนาขึ้นไปเรื่อยๆ ให้พากันสำนึกให้ได้
พระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
0 comments:
Post a Comment