มรรคมีองค์ 8 เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ เป็นเบื้องต้น สัมมาสมาธิเป็นที่สุด.. คำว่าสัมมาสมาธิ ไม่ใช่จิตสงบได้รูปฌาน อรูปฌาน หรือฌานสมาบัติ 8 สงบมากขนาดไหน ก็ไม่ใช่สัมมาสมาธินะ
บางคนอาจจะว่าสัมมาสมาธิคือจิตสงบ อันนั้นอันนี้ สัมมาสมาธิแท้ๆ ความเห็นถูกต้อง สมาธิถูกต้อง ไม่ใช่ฌานสมาบัติ8 ฌาน4 อรูปฌาน4 รูปฌาน4 อรูปฌาน4 เค้าเรียก ฌานสมาบัติ 8 ได้ฌานได้สมาบัติ8 ก็ยังไม่ใช่สัมมาสมาธิ เป็นการพักจิต หยุดจิตไม่ให้ทำงานเฉยๆ
ถ้าไปติดหลงอยู่ในสมาธิ ถ้าสมาธิเป็นเรา เราเป็นสมาธิ เราได้สมาธิ สมาธิมีอยู่ในเรา เรามีอยู่ในสมาธิ เราก็ไปหลงขันธ์อันปราณีตอีก สมาธิก็คือขันธ์อันปราณีต มันซ้อนกันอยู่นี่ล่ะ ติดในรูปฌาน ในอรูปฌาน ก็เป็นฌานหัวตอ ติดอยู่ในโลก รูปโลก อรูปโลกอยู่ ตายไปก็ไปเกิดอยู่ในพรหมโลก
ต่อเมื่อเรามาเห็นสมาธิ เกิดสงบขึ้นแล้ว ตั้งอยู่ แล้วก็ถอยออกมา เมื่อมันไม่เที่ยง สมาธิก็ตกอยู่ ภายใต้กฏไตรลักษณ์ญาณ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่ เราจึงจะเบื่อหน่ายในสมาธิ เบื่อหน่ายในฌาน นี่แหละปัญญา ถ้าไปติดอยู่นี่ ก็เรียกว่า สมาธิก็กลายเป็นกิเลส กั้นกลางจิตไม่ให้เข้าถึงพระนิพพานอีก เรียกว่าสมาธิหัวตอ
นั่งขอดหมอดๆอยู่หมดมื้อก็บ่ปวดขา เพราะว่าจิตมันไม่ไปถือเอาขันธ์ จิตออกมาเป็นเอกเทศหนึ่งเดียวอยู่ตรงหน้า ตั้งมั่นอยู่ ไม่ไปถือเอากายเจ้าของ เวลานั้นจิตสงบแล้ว กายจึงไม่ปวดอีก ไม่มีกายมีตัวมีตนมีเรามีเขาอยู่ในนั่น
ติดสุขอยู่นี่ หลวงตาไปติดอยู่ จึงมาพูดได้ คนไม่เคยติดสุข พูดไม่ออก รู้อยู่ว่าไตรลักษณ์ญาณ แต่มันเอาออกไม่เป็น
ต่อเมื่อเอาไปเอามาจึงมารู้เท่าเข้าใจจริงๆ ไตรลักษณ์ญาณเราก็รู้ตั้งแต่ชื่อมันเฉยๆ มาติดอยู่ในอารมณ์ฌาน ก็เรียกว่าอารัมมณูปนิชฌาน ฌานหัวตอ อารัม ก็มาอารมณ์ ติดอยู่ในอารมณ์ของฌาน จิตใจสงบ ตายไปก็ไปอุบัติขึ้นบนพรหมโลก ว่าแม้นพระนิพพาน มันเป็นนิพพานพรหม ต้องเข้าใจอย่างงี้
นิพพานแท้ ต้องดับอันนี้ ต้องมาเห็นฌานเห็นสมาธิ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือท่านเรียกว่าลักขณูปนิชฌาน
ลักษณะ 3 อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จึงเรียกว่าสัมมาสมาธิ
ถ้ายังไปหลงว่า ฌานเป็นนิพพาน มันสงบ มันว่าง มันสุขหลาย คิดว่าเป็นพระนิพพาน นั่งลงก็สุข ยังติดอยู่ในอารมณ์ฌานเรียกว่าอารัมมณูปนิชฌาน
ติดอยู่ในรูปฌาน อรูปฌาน ก็ตายไปก็ไปเกิดอยู่พรหมโลก ยังอยู่ในโลก 3 อยู่ กามโลก รูปโลก อรูปโลก ต่อเมื่อเรามาเห็นขันธ์ 5 หรือขันธ์หยาบ ขันธ์กามโลก ขันธ์รูปโลก ขันธ์อรูปโลก มี 3 ขันธ์.. ตกอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เราจึงเบื่อหน่าย ในกามโลก รูปโลก อรูปโลก เราจึงจะไปถึงโลกุตระ เหนือโลก 3 ท่านเรียกว่าโลกุตระ
จึงเรียกว่าพระนิพพาน ก็มาเห็นโลกทั้ง 3 เวียนว่ายตายเกิดอยู่ ไม่มีที่สิ้นสุด จิตของเราจึงเบื่อหน่ายคลายความยินดี ในธาตุในขันธ์ ในกามโลก รูปโลก อรูปโลก จึงหลุดพ้นจากโลก 3 ท่านเรียกว่า โลกุตระ..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ก่อนเช้าวันที่ 14 พ.ค. 59 (47:10 - 54:16)
0 comments:
Post a Comment