หลวงตาศิริ เมตตาสอน ความหมาย กายลม กายในกาย รูปในอดีต ในอนาคต รูปปัจจุบัน ที่พระพุทธองค์ทรงสอน..
..นี่แหละบางคน ได้มาถามว่า อานาปานสติหนิ มันเกิดปัญญามั้ย ว่างั้น มีแต่ได้สมถะอย่างเดียว ไม่ได้ปัญญา อานาปานสติ โอ๊ย มันได้หมดนั่นล่ะ ถ้าคนดูเป็น
เอาสติไปจับเอาลมหายใจ เข้าชัดๆ ไม่ชัดจิตมันไปอยู่ที่อื่น เห็นเข้าชัดๆ ออกชัดๆ ยาวก็รู้ว่ายาว รู้ชัดว่ายาว ชัดด้วย สั้นก็รู้ชัด ว่าสั้น ให้มันชัดๆ ถ้าไม่ชัด จิตมันจะไม่มา รู้อยู่ที่ลมหายใจ มันไปรู้อยู่ที่อื่นบ้าง แบ่งมารู้ที่ลมหายใจบ้าง มันไม่ชัด ต้องให้มันชัดๆ เห็นชัดๆ หนิก็ได้
เอาไปเอามา บังคับลม หรือกำหนดรู้อยู่ ไม่ต้องแต่งไม่ต้องปรุงมันอะไร เอาสติกำหนดรู้ๆอยู่น่ะ เข้าก็รู้ ออกก็รู้ ไม่ต้องว่าอะไรก็ได้ เพียงแต่ระลึกรู้อยู่เท่านั้น เอาไปเอามาก็ลมหายใจ จางคลายหายไป รึเบาลงเบาลง ลมหายใจเบาลงเบาลงก็เรียก กายลหุ เบาลงอีก กายระงับ
กายก็คือลมหายใจ คือกายใน ไม่ได้เอากายที่อื่น กายระงับดับลง จิตก็โผล่ขึ้นมา ตัวผู้รู้ก็โผล่ขึ้นมา เด่นขึ้นมา ชัดขึ้นมา รู้เฉย รู้เฉย รู้ๆๆๆ เด่นชัดขึ้นมา เราก็เอาสติไปจับเอาตัวผู้รู้ เอาจิตไปจับเอาตัวผู้รู้ ก็จะได้จิตของเจ้าของ ก็ได้เจโตวิมุตติ
เค้าว่าได้แต่สมถะ ไม่ได้วิปัสสนาว่างั้น สมถะกับวิปัสสนา ก็เป็นของคู่กันอยู่ ดูกายในดูเป็นมั้ยล่ะ กาย กายใน ได้วิปัสสนาเหมือนกัน เห็นลมหายใจเข้าออกนั่นล่ะ
กายของเรา กายในคือลมหายใจ กาย กายมันลมในอนาคต ก็เข้ามาเป็นปัจจุบัน ออกไปก็เป็นอดีต เห็นกาย เห็นกายในกาย เข้าไปในกายเรา ก็เห็นกายในกาย มีสัตว์บุคคลมั้ยล่ะ ลมหายใจ นี่แหละดู กายสักแต่ว่ากาย ก็ดูให้มันเห็นซี่ มันดูเล่นๆมันไม่ได้อะไรหรอกนั่นน่ะ ไม่ตั้งใจดู
เวลาลม ลมยังไม่เข้ามา กายยังไม่เข้ามา กายเราไปอยู่ที่ไหน มันเป็นอนาคตอยู่ เวลาเข้ามาเป็นปัจจุบัน เวลา ออกไปเป็นอดีต รูปในอดีต กายในอดีต กายในอนาคต กายในปัจจุบัน มันมีตัวมีตนมั้ยล่ะฮึ มีสัตว์บุคคลอยู่ในนั่นมั้ย นี่เห็นกายในกาย เห็นกายสักแต่ว่ากาย นี่ได้ปัญญามั้ยล่ะทีนี้ฮึ
มีคนมาถาม ไม่ได้ปัญญา อานาปานสติ ได้ เราไม่รู้จักว่าลมหายใจก็คือกาย ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ดินน้ำลมไฟหนิธาตุ 4 ก็คือกายของเรา
ทำไมมีแต่ลม ไม่มีดินปนเข้าไปในนั่น เราไม่เห็น จั๊งสั่น(อย่างนั้น) เค้าจะมีขนดัง(ขนจมูก) มากรองเอาหรือ เวลามันเข้าไป มันก็มีลม มีน้ำ ละอองน้ำเข้าไปด้วย ลมหายใจนี่แหละ อากาศ มันมีฝุ่นละออง มีละอองน้ำ ละอองอากาศ มีดินมีน้ำมีไฟ เข้าไปด้วย ลมหายใจ มันมีธาตุเข้าไป ถ้าดูดีๆ ถ้าดูให้รู้จัก นี่แหละ สงเคราะห์เรียกว่ารูป เรียกว่ากาย
มีสัตว์บุคคลมั้ยล่ะฮึ กายสักแต่ว่ากาย สติปัฏฐาน4 พระพุทธองค์ไม่ได้ดูกายหยาบ ดูกายลม กายทั้งปวง กายทั้งปวงท่านว่า หลวงตาก็มาคิด หนิเอ๊ กายทำไมถึงว่ากายทั้งปวง กายทั้งหมด
อ๋อ ดินน้ำลมไฟ ก็มารวมที่ลมนี่เอง ลมหายใจนี่เอง เรียกว่ากายทั้งปวง หนิ ในนี้ ในนี้มันก็มีตัวญาณนะ ตัวญาณอีก ญาณคือตัวผู้รู้อาศัยอยู่ในลมหายใจ..
บางส่วนจาก ๐๔.สติปัฏฐาน๔ (6:12 - 11:45)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://youtu.be/V1Tkm6F9mn4?t=372
อ้างอิงบางส่วนจาก อนัตตะลักขะณะสุตตัง
(อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง, ทั้งที่เป็นรูปในอดีต ในอนาคต หรือรูปปัจจุบัน)
http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/praythaisoadmon02.htm
อ้างอิงบางส่วนจากพระไตรปิฎก
(เรากล่าวลมหายใจออก ลมหายใจเข้านี้ ว่าเป็นกายชนิดหนึ่งในพวกกาย เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นกายในกาย)
http://etipitaka.com/read/thai/14/156
7.6.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment