..อานา ก็แปลว่าลมหายใจเข้า ปานะ(มาจาก อปานะ) ก็แปลว่าลมหายใจออก สติแปลว่าระลึกรู้ เอาสติมาระลึกรู้ ลมหายใจเข้าออก เข้าออกเท่านี้ ก็เรียกว่าภาวนา ง่ายมั้ยล่ะทีหนิ ทำจิตให้สงบโดยอานาปานสติ นี่แหละสมถะภาวนา เอาสติตั้งไว้ปลายจมูก ปลายจมูกไม่ใช่ที่แหลมๆนั่นนะ ปลายจมูกคือ ตรงที่ลมสุดนะ ลมสุด ลมออกมาพ้น รูจมูกหนิ ออกมาสุดอยู่ตรงนี่ เค้าเรียกปลายจมูก ตรงลมสุด
บางคนอาจจะไปเข้าใจว่า ดั้งจมูกหรือตรงมันแหลมๆ ปลายจมูกคือลมสุด เอาสติมาตั้งไว้ที่ปลายจมูก ก็กำหนดดู ลมหายใจ เข้าออก เข้าออก นะ ฝึกใหม่ๆ เอาสมถะ ที่แรกเราก็หาฐานที่ตั้งของจิต ฐานที่ตั้งของสติ ฐานที่ตั้งของสมาธิคือเอาไว้ที่ปลายจมูก ง่ายๆ ปลายจมูก เอาสติตั้งไว้ ทีนี้ก็กำหนดดูลมเข้า ลมออกอยู่งั้น
วิธีฝึกทีแรกต้องเอาลมยาวนะ เอาลมยาว ยาว ยาวๆ เข้ายาว ออกยาว นับเอา นับเอาให้ได้ซัก 50 เข้ายาว เข้า 1 ออก 1 ไป ให้ถึง 50 50 ครั้ง เข้า 2 ออก 2 สติ ต้องรู้อยู่ที่ปลายจมูกนะ ทีนี้เมื่อ เมื่อ พอดูไปดูมาสติเผลอ จำไม่ได้ ถ้ามันนับหลงนับ จำบ่ได้ก็ต้องสติใหม่อีก นะ ตั้งสติใหม่ นับ 1 ใหม่ เห็นยาว เข้ายาว ลองดู ก็ได้ เดี๋ยวนี้ เข้ายาว ออกยาว 1 เข้ายาว ออกยาว 2 ไป พอถึง 50 แล้ว เราก็เปลี่ยน
เอาเข้าสั้นบ้างทีนี้ เข้าสั้น ออกสั้น 1 เข้าสั้นออกสั้น 2 เอาไปเอามา ทำจนถึง 50 เหมือนกัน เราสังเกตดีๆนะ ตอนเข้ายาวออกยาว มันรู้สึกเป็นยังงัย ความรู้สึกเป็นยังงัย แล้วกลับมาเอาเข้าสั้นออกสั้น ความรู้สึกเราเป็นยังงัย พิจารณาดูนะตัวสติหนิ อย่าเผลอ พิจารณาดู เข้าสั้นออกสั้น เป็นยังงัย อาการมันเป็นยังงัย
ทีนี้ เอาอันที่ 3 เข้าพอดี ไม่ยาวเกินไป ไม่สั้นเกินไป เอาสบายๆทีนี้ เราก็จะเห็นลมเข้าลมออก สม่ำเสมอกันสบาย ทีแรกยาวเราจะรู้สึกว่าอึดอัด ไม่ค่อยสบาย เค้าเรียกว่าทุกข์ เวทนานี่แหละ เวทนาเกิด สั้นเกินไปหายใจไม่พอใช้ ลมไม่พอใช้ ก็รู้สึกว่าไม่สบาย เป็นทุกข์ ไม่สบาย นี่ก็เรียกว่าเวทนา พอดีมาสลับเอา ลมพอดีดูทีนี้
พอดีพอดี ไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป ลมของเราก็สมดุลกัน กลมกลืน ไม่รู้ว่าสั้นว่ายาว ไม่รู้ว่าออกว่าเข้า เป็นกลุ่มเป็นก้อน เบาเย็น นี่แหละจิตเริ่มจะเป็นสมาธิ ทีหนิ ให้ทำอยู่อย่างนี้นะ ทำอยู่อย่างนี้ ยาวบ้างสั้นบาง แล้วก็เอาพอดีบ้าง จนลมเสมอกัน พอดี พอดี กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เราจะมองเห็นลมเป็นก้อนเป็นกลุ่ม เหมือนปุยนุ่นปุยฝ้าย ลอยเบา เอาไปเอามา กายระงับ ลมหายใจนั่นล่ะระงับลง เค้าเรียกว่ากายระงับ กายลม ระงับลง จิตก็ระงับลง ก็คงเหลือแต่ความรู้ๆๆขึ้น เท่านั้น ง่ายๆฝึก รู้ๆๆขึ้น จิตก็สงบ จิตวางจากลมหายใจ วางจากกายหยาบกายละเอียด กายระงับ จิตระงับ คงเหลือแต่ความรู้ๆเด่นขึ้น
เราก็เอาสติไปจับเอาผู้รู้นี่แหละ นี่แหละเราก็ได้จิตเห็นจิต จิตคือผู้รู้ๆๆเฉยอยู่ ก็ได้ลงถึงที่นี้ก็เรียกว่า ได้เจโตวิมุตติ นี่ที่ว่าเจโตวิมุตติ จิตหลุดพ้นจากขันธ์ 5 ช่วงที่ลมหายกายไม่มีหนิ คือจิตมันจาคะ จาคะ ขันธ์ 5 ออกจากจิต จิตออกมาเป็นเอกเทศ หนึ่งเดียวอยู่ นี่แหละเค้าเรียกว่า เอกาทิพะโว จิตมันล็อคตัว รู้ๆๆ อยู่เฉยๆ
เราก็ได้เห็นจิตแท้ใจเดิม ท่านเรียกว่า บุพเพจิตตัง จิตแท้ใจเดิม ว่าง บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ เป็นธรรมชาติอยู่อย่างนี้ นี่แหละที่ว่า จิตสงบครั้งเดียว ทานร้อยครั้งพันครั้งไม่เท่าจิตสงบครั้งเดียว พอจิตสงบลงครั้งเดียวหนิ เห็นอารมณ์พระนิพพาน จิตลงถึงธรรมชาติ ฐานใหญ่ เอกเทศ รู้ๆเฉยอยู่ ท่านเรียกว่าวิกขัมภนวิมุตติ วิกขัม แปลว่าข่ม แปลว่าสะกด ฌานสะกดขันธ์ 5 สมาธิข่มขันธ์ 5 เอาไว้ เปรียบเสมือนหินทับหญ้า ขันธ์ 5 ไม่ได้ทำงาน ตอนนั้น จิตวางจากขันธ์ 5 เรียกว่า จาคะขันธ์ 5 ออก..
บางส่วนจาก ๑๓.การบำเพ็ญบุญบารมี (23:30 - 30:51)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
https://drive.google.com/folderview?id=0B6OG_Su4MwGZeVY2WW5yZ2NHYkU&usp=sharing
2.6.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment