..กายในกายจริงๆ พระพุทธเจ้า ดูกายลม ดูลมหายใจนะ ดูกายละเอียด กายละเอียด ก็ดูลมหายใจเข้าออกนั่นน่ะ เรียกว่า ดูกายใน กายในจริงๆคือลมหายใจ ลมหายใจน่ะ วิ่งเข้าไปในกาย กายละเอียด เรียกว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ เข้าไปแล้ว ออกมามันไปไหน ก่อนมันจะเข้ามันไปอยู่ไหน ลม เข้าไปแล้วมันไปอยู่ไหน ออกมาแล้วมันไปไหน ลมหายใจนี่แหละ ท่านให้กำหนดดู
รูจมูกเปรียบเสมือนท่อสูบเหล็กสูบทองของช่าง ตัวลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออก ออกในท่อ ในท่อ สองท่อนี่ล่ะ กำหนด ท่อจมูกก็คือท่อสูบเหล็ก คือกายนอกกายหยาบ ส่วนลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออก ก็เรียกว่ากายละเอียด
ดินน้ำลม ลมคือกายละเอียด ให้ดูตรงนี้ นี่ล่ะกายในกายจริงๆ มันวิ่งเข้าไปในกายของเรา แล้วก็ออกมา กำหนดลมหายใจนี่แหละเป็นกาย เป็นเรา เป็นกาย เป็นกายของเรา ให้ดู นี่ล่ะกายของเรา เวลามันเข้าไป แล้วมันไปอยู่ไหน แล้วมันวิ่งออกมาแล้วมันไปอยู่ไหน มันออกไปไหน ยังไม่เข้าไป มันไปอยู่ไหน เข้าไปแล้ว มันออกมา มันไปอยู่ไหน นี่แหละเห็นกาย เห็นอย่างนี้ เห็นกายในกาย
วิ่งเข้าไปในกายเราแล้วก็ออกมา เรียกว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ ปัสออกมา เรียกว่ากายสังขาร ไปผสมปรุงแต่งกายให้อยู่ได้ ให้นั่งอยู่ได้ ถ้าไม่มีลมเข้าลมออกนั่งอยู่ไม่ได้ดอกเรา
พิจารณาล่ะทีนี้ เมื่อรู้ว่า อันนี้ก็คือกายส่วนนึงน้อ เรียกว่ากายใน กายในกาย มันวิ่งเข้าไปในกายนอก ที่ท่านว่าเห็นกายในกาย มันเป็นอย่างนี้ กายในกาย พิจารณาดูให้เห็นตามความเป็นจริง กายตัวนี้เค้าเรียกว่า ร่างกายของเราเรียกว่า ตัวตน ตัวของเรา ตัวเรามีอยู่ในลมนี่แหละ คือใจ ท่านจึงเรียกว่าลมหายใจ ใจก็มีอยู่ในลมนี่ล่ะ อารมณ์ก็อยู่ในลมหายใจนี่แหละ
รัก ความรักความชังก็มาเกิดอยู่ที่นี่แหละ ความโลภความโกรธ ก็เกิดอยู่ที่ลมหายใจ อารมณ์ทั้งหลายก็เกิดจากใจนี่แหละ ใจก็คือลมหายใจนี่แหละ ตัวลมก็เป็นตัวกายเรา ตัวใจเราก็อยู่ในลมนี่แหละ กายกับใจก็อยู่ด้วยกัน มันวิ่งออกมา เห็นมั้ยล่ะกายทีนี้..
บางส่วนจาก สติปัฏฐาน ๔ (26:25 - 29:35)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดง ผานิมิต
0 comments:
Post a Comment