..คนที่อยากได้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มันก็ไปหาภาวนาสร้างเอาอันนี้ ไปภาวนา เพื่อจะได้ญาณ ได้อิทธิฤทธิ์ ได้ญาณระลึกชาติหนหลัง บุพเพนิวาสานุสติญาณ ไปรู้ว่าสัตว์ไปเกิดที่นั่นที่นี่ ก็จุตูปปาตญาณ อันนี้เป็นญาณโลกียะ ไม่ต้องมาหาดอก บางคนไปหาญาณหูทิพย์ตาทิพย์อะไร เพ่งกางหูออกเวลานั่งสมาธิ พระมาเล่าให้ฟัง
โอ๊ยจะอยากได้อะไร ไปเกิดไรก็ช่าง ชาตินั้นชาตินี้ไปเกิดเป็นอะไรเกิดแล้วมันก็ตายเท่านั้น จะไป หารู้มันมาทำไม ญาณพวกนี้ มันก็มีเกิดกับมีตายเท่านี้ ไปเกิด เป็นเทวดา อินทร์ พรหม ก็มีตายลงมาหมด เกิดเป็นสัตว์นรกก็ตายคือกัน เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ตายคือกัน เป็นคนก็ตาย ไปเกิดอยู่ประเทศไหนก็ตาย นี่เรียกว่าฝนตกนั่นน่ะ ตกแล้วก็ต้องหยุดตก ไปเกิด คนไปเกิดอยู่ประเทศไหนก็คือตาย ฝนตกอยู่ประเทศไหนก็หยุดตกก็เหมือนกัน ยกตัวอย่างให้ฟังเฉยๆ
ไม่ต้องไปอยากได้ญาณอันนั้นอันนี้ดอก มันเกิดแล้วก็ตายเท่านั้น รู้จักเกิดจักตาย ที่เค้าให้อยากได้ก็คือ อยากได้ อาสวักขยญาณ ญาณสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลส ได้แก่กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ พูดย่อๆให้ฟัง กิเลสพวกนี้ นอนเนื่อง อยู่ในจิตตสันดานของเรา อาสวะหนิ หรือท่านเรียกชื่อหนึ่งว่า อนุสัย อนุสัย 3..
บางส่วนจาก ทำความเพียรเผากิเลส (42.06 - 44.08)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
0 comments:
Post a Comment