..พอเห็นปั๊บ มันปรุงแล้ว ว่าสวยว่างาม ถ้าสวยว่างาม ก็เกิด ราคะคือความยินดีพอใจขึ้นมา นี่มันเกิด อยู่อย่างงี้ ขันธ์มันเกิดมันดับอยู่อย่างงี้ ไม่ต้องไปว่าภพไหนดอก นี่แหละภพหนึ่ง ที่พูดยาวๆเมื่อกี๊หนิ มันเป็นอันเดียวกัน มันติดกันยิปเลยนะ เกิดดับ มองไม่ทันเลย ไม่รู้จะอธิบายยังงัย..
..ภวะ คือภพ จิตออกรับอารมณ์ครั้งหนึ่งก็เรียกว่าภพ แยกพูดไป ดับภพดับชาติได้ ดับภพได้ ชาติก็ไม่มี ดับภพดับชาติท่านก็ว่าใส่กัน ถ้าดับภพได้ ชาติก็ไม่มี ชาติมาจากภพ ภพมาจากอุปาทาน มันอุปาทานเอา นิดเดียวเท่านั้น กำหนัดขัดเคืองก็ว่า อุปาทานก็ว่า ยินดีก็ว่า ยินร้ายก็ว่า นี่ล่ะมันเกิดอยู่นี่ ขันธ์5
เมื่อมาเห็นอย่างนี้ โอ๊ย จึงว่า พ่อแม่พี่น้องญาติเรานี่ จะเข้าใจเรื่องขันธ์ 5 มั้ยน้อ เราดับขันธ์ 5 ได้หนิ อยู่ตลอดวันก็ไม่มีอะไร แล้วแต่อะไรจะเกิดแล้วแต่อะไรจะตาย เข้าใจมั้ยคำว่า แล้วแต่อะไรจะเกิด แล้วแต่อะไรจะตาย
ขันธ์5 มันเกิดวันละกี่ครั้ง แล้วแต่มันจะเกิด จะตายแหล่วหนิ เราเอาใจออกหนีจากมันได้ ขันธ์ก็เกิดดับเกิดดับ เป็นอริยสัจจริงอยู่อย่างงั้น นี่แหละทุกข์ ท่านให้กำหนดรู้นั่นน่ะ คือมันเห็นมันเกิดมันดับนี่แหละ นี่แหละท่านให้รู้ตรงนี้ รู้เพื่ออะไร เพื่อไม่ให้เรามาแบกเอาความเกิดความดับ รูปเกิดแล้ว มันดับแล้ว เสียงมันเกิดขึ้นแล้ว มันดับแล้ว เกิดกับดับมันอยู่ด้วยกันอย่างงี้ เกิดบั๊บดับบั๊บ แต่สติปัญญาไม่มี จึงปล่อยให้อารมณ์เข้าไปผสมจิต..
บางส่วนจาก อบรมจิต (05.00 - 07.15)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต
0 comments:
Post a Comment