20.3.16

แต่พุทธศาสนามองว่าชีวิตนั้นมีคุณค่า ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ แม้เจ็บป่วยเพียงใดก็ยังสามารถทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ อย่างน้อยกับจิตใจของตน

BY Somchatchai IN No comments

..การทำการุณยฆาต ส่วนใหญ่มักให้เหตุผลว่า การมีชีวิตอยู่ต่อไปของผู้ป่วย ไม่มีประโยชน์แล้ว เป็นการอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี เพราะนอกจากเจ็บปวดทุกข์ทรมานแล้ว ยังไม่สามารถพึ่งตนเองได้ มองในแง่ของมนุษยธรรม การช่วยให้ผู้ป่วยจบชีวิตโดยเร็ว ย่อมเป็นสิ่งที่ดีเพราะทำให้เขาพ้นจากความทุกข์ความเจ็บปวด

แต่พุทธศาสนามองว่าชีวิตนั้นมีคุณค่า ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ แม้เจ็บป่วยเพียงใดก็ยังสามารถทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ อย่างน้อยกับจิตใจของตน อาทิ การทำจิตให้สงบด้วยการน้อมใจนึกถึงสิ่งดีงาม หรือทำสมาธิภาวนา อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้จากความเจ็บป่วย หรือใช้ความเจ็บป่วยเป็นเครื่องมือสอนธรรม คือเห็นความจริงของชีวิตอย่างชัดเจนว่า ชีวิตนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่อยู่ในอำนาจของเรา หลายคนที่เห็นความจริงดังกล่าว สามารถทำใจปล่อยวางจากความเจ็บปวดได้ คืออยู่กับความเจ็บปวดได้โดยไม่ทุกข์ใจ เพราะเห็นว่ามันเป็นธรรมดาของสังขาร

ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงพระอรหันต์จำนวนไม่น้อยซึ่งบรรลุธรรมขณะที่ป่วยหนัก มีทุกขเวทนาแรงกล้า อาศัยความเจ็บป่วยและทุกขเวทนานี้เองท่านเหล่านั้นจึงเกิดปัญญาเห็นความจริง ของชีวิตจนไม่ยึดติดถือมั่นสังขารร่างกายต่อไป

แม้ว่าคนเจ็บป่วยส่วนใหญ่ไม่สามารถจะทำได้อย่างพระอรหันต์ท่านที่กล่าวมา แต่ก็มีไม่น้อยที่สามารถอยู่กับความเจ็บปวดได้โดยไม่ทุรนทุราย เพราะจิตมีสมาธิ มีสติ ไม่ปล่อยใจถลำจมอยู่ในความเจ็บปวด และมีปัญญาคือแลเห็นว่ามันเป็นธรรมดา ไม่คิดผลักไสความเจ็บปวด ทำให้ปวดแต่กาย ส่วนใจไม่ปวด
นี้คือศักยภาพหรือความสามารถที่มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้ อยู่ที่ว่าจะตระหนักหรือไม่ และเตรียมตัวมามากน้อยเพียงใด จริงอยู่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงประเด็นนี้ ดังนั้นเมื่อตนเองป่วยหนักหรือเห็นคนรักป่วยหนักถูกความเจ็บปวดรุมเร้า จึงคิดว่าทางออกจากความทุกข์ดังกล่าวมีทางเดียวเท่านั้นคือ จบชีวิตให้เร็วที่สุด..

http://visalo.org/columnInterview/5409Image.htm
บางส่วนจาก การุณยฆาตในมิติของพุทธศาสนา
สัมภาษณ์ พระไพศาล วิสาโล
โดย กองบก.IMAGE
นิตยสาร IMAGE ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๕๔

0 comments:

Post a Comment