..เมื่อภพสุดท้ายมา อุบัติมากำเนิดเกิดขึ้น เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ
จึงมาบำเพ็ญภาวนา ทาน ไม่ได้ทานอย่างอื่นดอก ปรมัตถทาน
คือเรานั่งสมาธินี่แหละ ไกลความคิดเรามั้ยล่ะทาน ทานอะไรก็
ข้าวของทองเงินก็ทานหมดแล้ว ไม่มีอะไร
มาชาติสุดท้าย
เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ นี่ก็ ออก ทานหมด ออกหนีไปบวช
ออกหนีไปบวชสร้างบารมีอย่างใหญ่หลวงล่ะทีนี้ นี่ล่ะทานบารมี ไปนั่งสมาธิหนิ
จิตสงบว่างลง มันจิตจาคะขันธ์ 5 ออก สละขันธ์ 5 ออก เรียกว่าทานขันธ์ 5
ได้ แต่ก่อนทานอันอื่น ไม่ ไม่สำเร็จ พอมาจาคะขันธ์ 5 ออกหนิ จิตเป็นพุทโธ จิตเป็นเอกเทศ เอกัคคตาจิต เอกัคคตารมณ์ เป็นเอกเทศหนึ่งเดียวอยู่
ไม่มาถือเอาขันธ์ 5 จาคะขันธ์ 5 ออกได้ พระพุทธองค์จึงสำเร็จ ขั้นปรมัตถทาน
มีใครล่ะกล้าทานขันธ์ 5 ทานก็ทานไม่เป็นดอก ทานขันธ์ 5 ทานกายเจ้าของทานนั่นเจ้าของไป ให้คนไปเป็นข้าทาสคนใช้ก็ยังไม่ใช่ไม่ถูก ต้องมานั่งสมาธิ เอาจิตมาเสพอยู่ กับคำบริกรรมหรือธรรมบทใดบทหนึ่ง
จนลมหาย กายไม่มี กายลมก็ไม่มี กายเนื้อ กายหนัง กายหยาบ กายเน่า กายเหม็น ก็ไม่มี เหลือตั้งแต่จิตดวงเดียว เป็นเอกเทศอยู่ เป็นธรรมชาติอยู่ จึงเรียกว่า ปรมัตถทาน ทานขันธ์ 5 ออก
จึงเห็น จึงเห็นอารมณ์พระนิพพาน ใกล้แล้วทีนี้ ยังไม่ถึงนะ เพียงแต่เห็นอารมณ์พระนิพพานเท่านั้น ยังไม่ถึงพระนิพพานนะ เป้าหมาย อันนี้ก็พูดเรื่องทาน..
https://www.youtube.com/watch?v=Xk4vJAxOSVw
บางส่วนจาก บารมี (12:27 - 14:49)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดง ผานิมิต
มีใครล่ะกล้าทานขันธ์ 5 ทานก็ทานไม่เป็นดอก ทานขันธ์ 5 ทานกายเจ้าของทานนั่นเจ้าของไป ให้คนไปเป็นข้าทาสคนใช้ก็ยังไม่ใช่ไม่ถูก ต้องมานั่งสมาธิ เอาจิตมาเสพอยู่ กับคำบริกรรมหรือธรรมบทใดบทหนึ่ง
จนลมหาย กายไม่มี กายลมก็ไม่มี กายเนื้อ กายหนัง กายหยาบ กายเน่า กายเหม็น ก็ไม่มี เหลือตั้งแต่จิตดวงเดียว เป็นเอกเทศอยู่ เป็นธรรมชาติอยู่ จึงเรียกว่า ปรมัตถทาน ทานขันธ์ 5 ออก
จึงเห็น จึงเห็นอารมณ์พระนิพพาน ใกล้แล้วทีนี้ ยังไม่ถึงนะ เพียงแต่เห็นอารมณ์พระนิพพานเท่านั้น ยังไม่ถึงพระนิพพานนะ เป้าหมาย อันนี้ก็พูดเรื่องทาน..
https://www.youtube.com/watch?v=Xk4vJAxOSVw
บางส่วนจาก บารมี (12:27 - 14:49)
พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดง ผานิมิต
0 comments:
Post a Comment