..ใจที่กำลังทุกข์กำลังร้อนด้วยความโลภโกรธหลงจะไม่มีพลังเมตตาแผ่ไปได้เลย..
..ผู้จะเมตตาผู้ใดได้ต้องมีเมตตาต่อตนเองก่อน
คือต้องทำใจตนเองให้เยือกเย็นเป็นสุขก่อน
ความเยือกเย็นเป็นสุขก็คือผลของเมตตานั่นเอง พลังของเมตตานั่นเอง
ซึ่งต้องมีในใจตนเสียก่อน หรือมีต่อตนเองเสียก่อน
ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีไปเมตตาผู้อื่น หรือจะเมตตาผู้อื่นไม่ได้นั่นเอง
เพราะใจไม่มีพลังเมตตาที่จะเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่นเป็นสุขได้
พึงทำความเข้าใจให้ถูกต้องในข้อนี้
ไม่เช่นนั้นอาจเห็นผิดไป ว่าการเมตตาตนเองก่อนเป็นการเห็นแก่ตัว
การทำใจให้สงบเยือกเย็นเป็นผลของความเมตตาตนเองไม่เป็นการเห็นแก่ตัว
เพราะไม่มีผู้ใดต้องเสียประโยชน์จากเหตุนี้
มีแต่จะได้ประโยชน์อย่างยิ่งเท่านั้น
การเมตตาตนเองเช่นนี้เป็นความดีที่ไม่มีจุดด่างพร้อย ไม่มีผลเสียแก่ผู้ใดทั้งสิ้น ตรงกันข้ามจะเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งกว้างขวางสืบไป
คนใจดีมีความสงบเยือกเย็นเพียงคนเดียวสามารถยังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข
ได้มากมายนัก
เช่นเดียวกับคนใจไม่ดีมีความวุ่นวายเร่าร้อนเพียงคนเดียวก็สามารถยังให้เกิด
ความทุกข์ความร้อนได้มากมายนัก เมตตาตนเองก็คือทำตนเองให้มีใจที่ดี
ที่สงบเย็น เป็นสุข มีเมตตา ทำให้ได้ก่อน
แล้วจึงจะแผ่เมตตานั้นไปถึงผู้อื่นได้
จากใจผู้สงบเย็นบรรเทาเบาบางแล้วจากความโลภความโกรธความหลง..
http://www.dharmamag.com/mag/index.php/enlighten-mind-issues/1162-2015-02-12-09-40-37
บางส่วนจาก แสงส่องใจให้เพียงพรหม
เทศนานิพนธ์ ใน สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
19.1.16
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment