30.1.18

ไฉนจึงว่าสติๆอยู่เสมอๆ เพราะให้มีสติอยู่ในกรรมฐาน ทุกกรรมฐานที่เราตั้งไว้ ถ้าสติตั้งมั่น ปัญญาก็เกิดในที่สติด้วย สติไม่ตั้งมั่นปัญญาก็ไม่เกิด สติกับปัญญาใครเกิดก่อน ก็เกิดพร้อมกัน

BY Somchatchai IN No comments

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต ..ไฉนจึงว่าสติๆอยู่เสมอๆ เพราะให้มีสติอยู่ในกรรมฐาน ทุกกรรมฐานที่เราตั้งไว้ ถ้าสติตั้งมั่น ปัญญาก็เกิดในที่สติด้วย สติไม่ตั้งมั่นปัญญาก็ไม่เกิด สติกับปัญญาใครเกิดก่อน ก็เกิดพร้อมกัน//

..เราพิจารณาอันใด อย่าเข้าใจว่าสิ่งนั้นอยู่ในอดีตอนาคต ถ้าจิตใจของเรามีอยู่ในปัจจุบัน  เราก็เอาปัจจุบันเป็นผู้พิจารณา สิ่งทั้งปวงก็มีอยู่ในปัจจุบันทั้งนั้น ไม่ใช่เราเอาจิตอดีตอนาคต มาเป็นเครื่องพิจารณา

เราก็เอาจิตเอาธรรมในปัจจุบันเท่านั้นเป็นเครื่องภาวนา จะตั้งเอาไว้ในกรรมฐานอันไหนก็แล้วแต่สะดวก เดี๋ยวก็พุทโธบ้าง เดี๋ยวก็อันนั้นบ้าง เดี๋ยวก็อันนี่บ้าง ทำงานจดจับจดๆ

พุทธานุสสติก็ดี ธัมมานุสสติก็ดี สังฆานุสสติก็ดี สีลานุสสติก็ดี จาคานุสสติก็ดี เทวตานุสสติก็ดี อุปสมานุสติก็ดี กายคตาสติก็ดี อานาปานสติก็ดี มรณสติก็ดี อนุสสติ 10  นั่น ส่งต่อถึงพระนิพพานได้ทั้งนั้น

ไฉนจึงว่าสติๆอยู่เสมอๆ เพราะให้มีสติอยู่ในกรรมฐาน ทุกกรรมฐานที่เราตั้งไว้ ถ้าสติตั้งมั่น ปัญญาก็เกิดในที่สติด้วย สติไม่ตั้งมั่นปัญญาก็ไม่เกิด สติกับปัญญาใครเกิดก่อน ก็เกิดพร้อมกัน เช่นเราหลับตากับมืด อันไหนเกิดก่อน ก็เกิดพร้อมกัน

ที่นี้ เมื่อเกิดพร้อมกัน กรรมและผลของกรรม ก็เกิดพร้อมกัน กิริยาที่นั่ง ก็เรียกว่ากรรม กายกรรมที่นั่ง ผลของนั่ง อันเดียวกัน กรรมและผลของกรรม กับเหตุกับผลอันเดียวกัน กรรมที่สงสัย ผลของกรรมก็สงสัย

กรรมที่รู้แจ้ง ผลของกรรมก็รู้แจ้ง กรรมที่ไม่เข้าใจ ผลของกรรมก็ไม่เข้าใจ กรรมที่เข้าใจ ผลของกรรมก็เข้าใจ มันสงเคราะห์กันเข้ากับเหตุผล เหตุผลในโลก มันเป็นเหตุผลในทางอนิจจัง

เว้น เว้นเหตุผลของพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี เสีย ถึงแม้ว่าเหตุผล ของพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี เป็นเหตุผลอยู่ในอำนาจอนิจจังก็ตาม แต่ทว่าเป็นอนิจจังที่จะก้าวหน้า ไปสู่นิจจัง คือพระนิพพาน..

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต - หนทางหลุดพ้น
https://youtu.be/hd0WmPdgiLo?t=19m42s (19:42 - 22:58)

0 comments:

Post a Comment