..ท่านจึงบอกจริงสมมุติ หนิ ถ้าไม่มีก้อนอันนี้จริงๆ จะไปเรียกอะไรที่ว่าขันธ์5 นี่มันมี มันมีของจึงมาตั้งสมมุติขึ้นได้ ถ้ามันว่างเหมือนกับอากาศหนิ แต่ความว่างอันนี้ก็ยังมาสมมุติว่าอากาศอยู่นะ
ก็ยังสมมุติว่าว่างอยู่ ว่างๆอยู่รอบตัวเรา เรียกว่าอากาศ ถ้ามันพัดไปพัดมาก็สมมุติใหม่ว่าลม ว่างั้น ลมพัดไปพัดมา มันเคลื่อนที่ อากาศเคลื่อนที่ เค้าเรียกว่าลม อย่างเราหายใจหนิคืออากาศเคลื่อนที่ จึงเรียกว่าลมหายใจ สมมุติว่าลมหายใจ ถ้าไม่มีลมก็ไม่มีอะไรจะสมมุติ
สมมุติมันก็ต้องมี มีจริงๆ มีจริงๆ คนมาหลงตรงนี้ล่ะ ถ้าไม่มีก้อนสกลกาย จะมาสมมุติว่า เรียกว่าคนก็ไม่ได้ มาสมมุติเรียกว่าสัตว์ก็ไม่ได้ ไม่มาสมมุติว่าเราก็ไม่ได้ มาสมมุติว่าเขาก็ไม่ได้
เพราะมันมีก้อนอันนี้ขึ้นมา จึงมาถูกสมมุติ ตั้งชื่อสมมุติขึ้นมา เราก็เลยมาถือเอาจริงๆจังๆอยู่นี่ ใจมันก็มีจริงๆท่านจึงเรียกว่าสมุทัย ใจปลอม ใจจริงๆก็สมมุติไปอีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามโน ไปล่ะ สมมุติว่าคิด สมมุติว่าวิญญาณ แต่นี่แหละอยากอธิบายให้ฟัง
คนก็มาตั้งบัญญัติ บัญญัติแปลว่าตั้งชื่อขึ้นมา ตั้งชื่อสมมุติขึ้นมา ใช้ร่วมกันในโลกนี้เฉยๆ ให้คนเรียกถูกกัน ใช้ถูกกัน แขนก็มีจริงๆ ขาก็มีจริงๆจึงสมมุติว่าขา ตาก็มีจริงๆ หูก็มีจริงๆ จมูกก็มีจริงๆ ลิ้นก็มีจริงๆ หนังก็มีจริงๆ ถ้าไม่มี เค้าจะสมมุติว่าอะไรล่ะ
มีรูปร่างลักษณะห่อหุ้มอยู่ ในกายของเราหนิ ให้เรียกชื่อว่าหนังนะ นั่น ตั้งสมมุติบัญญัติชื่อขึ้นว่าหนัง อันนี้ชื่อของมัน สมมุติว่าหนัง ถ้าเป็นขนอยู่บนหัวหนิ อยู่บนหัวเค้าไม่เรียกว่าขนนะ เค้าก็สมมุติว่าผม จะมาเรียกอยู่แขนว่าผมได้มั้ยล่ะ ขนอยู่แขน หือ..
..ลูกมาเห็นก็เรียกว่าแม่ หลานมาเห็นก็เรียกว่ายาย ก้อนเดียวนี่แหละ สมมุติออกจากนี่หมด สมมุติทั้งหลายก็ย่นย่อลงมาอยู่กายกับใจ กายกับใจนี่ล่ะคือตัวเรา ตัวเรานี่ล่ะคือตัวสมมุติ สมมุติออกจากเราหมด
ผู้ไปถือสมมุติก็คือเรา ผู้ไปหลงสมมุติก็คือเรา ผู้ไปอุปาทานเอาสมมุติก็คือเรา สมมุติออกจากเรา หลงก็คือเรา รู้ก็คือเรา ที่พูดวันนี้ก็เพื่ออยากจะให้รู้จักสมมุติ
จริงสมมุติ จริงบัญญัติ จริงปรมัตถ์ มันจริงอย่างนี้ เมื่อถึงขั้น ปรมัตถธรรม ก็ ลบสมมุติออกหมดแล้ว ลบบัญญัติออกหมดแล้ว จึงเรียกว่าปรมัตถ์ ให้พากันเข้าใจ จริงสมมุติ จริงบัญญัติ จริงปรมัตถ์
ถึงขั้น ปรมัตถธรรม ว่างหมด ไม่มีกูไม่มีมึง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล มีแต่รูปธรรมนามธรรม มีแต่ธรรมชาติ ธรรมชาติก็ยังสมมุติอยู่อีก ดับสมมุติได้ก็เห็นวิมุตติ เดี๋ยวนี้เรามาแบกโลก แบกอารมณ์ แบกขันธ์5 อยู่ แบกสมมุติอยู่ในนี้ อุปาทานขันธ์5..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงตาศิริ อินฺทสิริ วัดถ้ำผาแดงผานิมิต ๐๘. สมมุติ, CD รับจากงานสมโภชพระธุตังคเจดีย์ ๑-๕ พฤษจิกายน ๒๕๖๐
รับฟัง https://youtu.be/ZoEx8DAL0Zk?t=23m28s (23:28 - 27:22, 36:20 - 38:28)
7.12.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment