หลวงปู่เหรียญ : ..แล้วพยายามควบคุมจิตนี้ ไม่ให้มันสร้างความโกรธให้เกิดขึ้น คือไม่ให้มันยึดเอาความโกรธไว้ ให้มันสร้างเมตตาธรรมกรุณาธรรม แทนความโกรธนั้น เรียกว่าเราเพ่งพิจารณาคนที่เราเกลียดชังมาแต่ก่อนนั่นน่ะ ให้มันเกิดความรู้สึกขึ้นว่าบุคคลนี้ เป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู น่าสงสาร ไม่ใช่ว่าเป็นคนน่าเกลียดน่าชัง
อ้าวแล้วทำไมจึงว่าเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู ก็เพราะเหตุว่าเป็นมนุษย์ชาติเหมือนกัน แล้วก็เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ไม่ได้เป็นอย่างอื่น มีสภาวะเหมือนกันกับตน ถึงจะเกลียดชัง หรือว่าจะไม่เกลียดชัง รูปร่างอันนี้มันก็แปรผันไปในที่สุด ก็แตกทำลายลง
ดังนั้นเมื่อเห็นแจ้งด้วยปัญญาอย่างนี้แล้ว มันก็จึงลงความเห็นว่า มันไม่น่ารักน่าชังอะไร บรรดารูปกายทั้งหลาย จะเป็นรูปคนก็ตาม รูปสัตว์ก็ตาม รูปต้นไม้ใบหญ้าอะไรต่ออะไร รูปเครื่องประดับตกแต่งที่เขาประดิษฐ์ประดอยขึ้นมา วิจิตรพิสดารต่างๆหมู่นี้
เมื่อเพ่งดูด้วยปัญญาแล้ว มันก็จะมองเห็นว่าเป็นแต่สภาวะธาตุเท่านั้นเอง มันไม่ได้เป็นของสวยของงามหรือว่าของขี้ร้ายอะไรเลย เมื่อเพ่งดูในทางสภาวะธาตุแล้ว เหมือนกันหมดเลย
คำว่าธาตุนั้นแปลว่าสภาวะที่มันเป็นเองอยู่อย่างนั้นมา สิ่งที่ประดิษฐ์ต่างๆขึ้นมาหมู่นี้ เมื่อมันแตกดับลงไปแล้วมันก็ไปเป็นธาตุดิน อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้เป็นอย่างอื่น เนี่ยคำว่า สภาวะธาตุนี่นะ มันน่ะเป็นเองอยู่อย่างนั้น
ถ้า ถ้าหากว่าปัญญามาเพ่งพิจารณา เห็นลงไปจนถึงเป็นสภาวะธาตุแล้วอย่างนี้ มันก็คลายความรักความชังออกจากดวงจิตนี้ได้ แต่ถ้ามันยังเห็นว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคลอยู่ เช่นนี้น่ะ มันจะละความรักความชังนี้ไม่ได้เลย..
บางส่วนจาก พระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - สังขารธรรมสมบัติโลก 16 ก.พ. 32
https://youtu.be/V-Dsm_r5pOE?t=6m14s
(6:14 - 9:00)
23.11.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment