..เจ้ากรรมนายเวรก็คงอยู่ที่ตัวของเรานั่นเอง..
..เวร อันหนึ่ง กรรม อีกอันหนึ่ง พูดไว้ ๒ อย่าง เวร นั้นทำแล้วต้องผูกอาฆาตพยาบาท จองล้างจองผลาญซึ่งกันและกัน.. ..หากว่าทั้ง ๒ เลิกร้างต่อกัน นาย ก. และนาย ข. ลบร้างกันแล้วก็หมดเวรหมดกรรม อันนั้น ระงับเพราะไม่มีเวร..
..ผลกรรมที่จะให้ละคราวนี้ ไม่ใช่คนที่เราทำนั้นมาให้ คนอื่นทำให้ก็ได้ หรือสิ่งอื่นทำให้ก็ได้.. ..กรรมที่เราทำไว้นั้นแหละย่อมสนองให้เราเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่คนที่เราทำให้นั้นมาทำให้เรา อันนั้นเรียกว่ากรรม.. //
คำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” นั้น หมายถึงผู้ปกครองกรรมเวร ก็อย่างพวกข้าราชการ เจ้านายปกครองประชาชน เมื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ บอกให้เลิกละก็ต้องเลิกละ อย่างนี้จึงเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร
คราวนี้มาพิจารณาถึงเรื่องกรรมเวร กรรมมันเกิดจากอะไร? ให้คิดถึงตอนนี้อีก อย่างพระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาว่า กมฺมสฺสกา กมฺมทายาทา ผู้ใดทำกรรมอันใดไว้ ย่อมได้รับกรรมอันนั้น มาพิจารณาตอนนี้แล้ว ไม่ทราบเจ้ากรรมนายเวรอยู่ตรงไหน เจ้ากรรมนายเวรก็คงอยู่ที่ตัวของเรานั่นเอง ที่ว่า เราทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มิใช่ว่าตายไปแล้วจะให้เจ้ากรรมนายเวรนั้นบังคับ ตายไปก็คนเดียวเรานี่แหละ ไปเกิดที่ไหนก็คนเดียวนั่นแหละ เป็นกรรมเป็นเวร
เหตุนั้นคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” นี่ ในพุทธศาสนาไม่มี แต่ความนิยมนับถือของเขาว่าเป็นของมีอยู่ นี่แหละเข้าใจผิดตรงนี้แหละ และเมื่อเจ้ากรรมนายเวรมีอย่างนั้นแล้ว เขาทำบุญทำทานสิ่งเหล่านั้นไป ก็ให้ถึงเจ้ากรรมนายเวรให้รับ และให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ คนทำกรรมทำเวรนั้นจิตมุ่งมาตรปรารถนาอาฆาตจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกัน แล้วมันจะขาดไปได้อย่างไร
เวร อันหนึ่ง กรรม อีกอันหนึ่ง พูดไว้ ๒ อย่าง
เวร นั้นทำแล้วต้องผูกอาฆาตพยาบาท จองล้างจองผลาญซึ่งกันและกัน..
..เวรนี่จะหมดเวรด้วยประการใด? เวรย่อมไม่ระงับเพราะมีเวร เวรระงับเพราะไม่มีเวร ความข้อนั้น เวรระงับเพราะไม่มีเวร คือ หมายความว่า คนนี้ก็เลิกร้างกัน เห็นโทษของตนแล้วเลิกร้างไม่ทำเวรต่อไป คือนาย ก. ไม่ทำเวรกับนาย ข. ต่อไป
แต่นาย ข. ล่ะคราวนี้ยังไม่เลิกร้าง มันก็ต้องจำเป็นต้องผูกเวรกับนาย ก. อีกต่อไป อันนั้นยังไม่ทันหมดเวร ยังไม่ได้ระงับเวรเพราะมีเวร หากว่าทั้ง ๒ เลิกร้างต่อกัน นาย ก. และนาย ข. ลบร้างกันแล้วก็หมดเวรหมดกรรม อันนั้น ระงับเพราะไม่มีเวร..
..คราวนี้กรรม กรรมไม่ใช่อย่างนั้น คนที่ทำกรรมจะรู้จักหน้ารู้จักตา รู้จักชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอะไรกันต่างๆก็ตามเถอะ หรือไม่รู้จักก็ช่าง อย่างว่าคนเราทำกรรมเช่น ไปฆ่าสัตว์หรือฆ่ามนุษย์ โดยเหตุที่ไม่รู้จักหน้ารู้จักตา ไม่รู้จักวงศ์ตระกูลของกันและกัน อย่างสงครามโลกนี้เป็นต้นไม่รู้จักว่าคนชาติไหน ประเทศใด อยู่ต่างน้ำต่างแดนโน่นล่ะแล้ว ก็ยิงก็ฆ่ากันตายไป แล้วไม่รู้จักอาฆาตพยาบาทกัน มุ่งที่จะฆ่าทำลายกันและกัน ย่อมเป็นกรรมทั้ง ๒ ฝ่าย
ผลกรรมที่จะให้ละคราวนี้ ไม่ใช่คนที่เราทำนั้นมาให้ คนอื่นทำให้ก็ได้ หรือสิ่งอื่นทำให้ก็ได้เช่น เราตกน้ำตาย ฟ้าผ่าตาย รถคว่ำตาย เครื่องบินตกตาย น้ำท่วมพายุพัดตาย อย่างนี้เป็นต้นอันนั้นเรียกว่ากรรม กรรมที่เราทำไว้นั้นแหละย่อมสนองให้เราเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่คนที่เราทำให้นั้นมาทำให้เรา อันนั้นเรียกว่ากรรม
อัน “เจ้ากรรม-นายเวร” นั้นพูดทั้ง ๒ อย่าง เจ้ากรรมก็ดี นายเวรก็ดี ที่อย่างพูดมาเบื้องต้นว่า คนนั้นเป็นคนบังคับให้ทำ แต่แท้ที่จริงคนนั้นไม่ใช่คนบังคับ หากต่างคนต่างทำด้วยตนเองแล้ว กรรมนั้นบันดาลให้เกิดขึ้น..
บางส่วนจาก กรรม-เวร
ธรรมเทศนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
http://tesray.com/afterhours-30
1.6.17
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment