อย่าหมายโลกในแง่ดี แม้คนผู้นั้นแหละจะเป็นคนดี โลกเขายกย่องสรรเสริญเยินยอ ว่าดี ดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ แต่เมื่อได้เพ่งดูในทางปรมัตถธรรมแล้ว จะว่าดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่ใช่ มันมีความเกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไป เท่านั้นเอง หมายความว่าความดีเหล่านั้น มันไม่ใช่ยังยืนอะไรเลย มันก็ดีไปชั่วระยะหนึ่ง เมื่อหมดเหตุปัจจัยแล้ว มันก็ดับไปเท่านั้นเอง

..อย่าหมายโลกในแง่ดี แม้คนผู้นั้นแหละจะเป็นคนดี โลกเขายกย่องสรรเสริญเยินยอ ว่าดี ดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ แต่เมื่อได้เพ่งดูในทางปรมัตถธรรมแล้ว จะว่าดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่ใช่ มันมีความเกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไป เท่านั้นเอง หมายความว่าความดีเหล่านั้น มันไม่ใช่ยังยืนอะไรเลย มันก็ดีไปชั่วระยะหนึ่ง เมื่อหมดเหตุปัจจัยแล้ว มันก็ดับไปเท่านั้นเอง

เนี่ยที่นักปราชญ์ท่านกล่าว่า อย่าหมายโลกในแง่ดี ก็เพราะคนเรามันไป หมายโลกในแง่ดี มันถึงติดอยู่ในโลกนี้ ถ้าไปมองคนใดคนหนึ่ง คนนี้ดีนะ คนนี้สวยนะ อย่างงี้นะ เกิดชอบใจขึ้นมาแล้ว ใจก็ไปผูกพันอยู่กับคนคนนั้นแล้ว นี่ เรียกว่าหมายโลกในแง่ดี มันก็เป็นเหตุให้ติดสิ เป็นเหตุให้ข้อง

ดังนั้นเราต้องฝึกจิตใจนี้ให้มันฉลาด ให้มันรู้ความจริงของรูปต่างๆในโลกอันนี้ ทั้งรูปหยาบ ทั้งรูปปานกลาง ทั้งรูปละเอียด ปราณีต บรรจงอย่างไรก็ตาม มันก็มีสภาวะเหมือนกัน มีเกิดขึ้น แล้วก็แปรปรวนแตกดับไป เมื่อมันหมดเหตุปัจจัย มันก็แปรปรวนแตกดับไป เหมือนกันหมดเลย รูปต่างๆดังกล่าวมานั้น..

บางส่วนจากพระธรรมเทศนา หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ อุบายฝึกจิต - 20 ก.ค. 31
https://youtu.be/9poYI8Hm5Ns?t=37m19s
(37:19 - 39:00)